Investing.com - ราคาน้ำมันทรงตัวในตลาดเอเชียวันนี้ เนื่องจากความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการลดลงของสินค้าคงคลังน้ำมันสหรัฐฯ ได้ถูกชดเชยด้วยความระมัดระวังก่อนข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญซึ่งอาจมีผลต่ออัตราดอกเบี้ย
การแข็งค่าของ ดอลลาร์ ยังสร้างแรงกดดันต่อน้ำมันดิบ เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงมีแนวโน้มเชิงบวกต่อดอลลาร์ก่อนข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ
เมื่อเวลา 21:05 ET (01:05 GMT) น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส ที่จะครบกำหนดในเดือนกรกฎาคม ทรงตัวที่ 83.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส ขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 79.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สินค้าคงคลังน้ำมันสหรัฐลดลงเกินคาด
ข้อมูลจาก สถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา เมื่อวันพุธแสดงให้เห็นว่าสินค้าคงคลังน้ำมันในสหรัฐลดลงเกือบ 6.5 ล้านบาร์เรล (mb) ในสัปดาห์ของวันที่ 24 พฤษภาคม มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงเพียง 1.9 mb
สินค้าคงคลังน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นก็ลดลงเช่นกัน แม้ว่าการลดลงของน้ำมันเบนซินจะน้อยกว่าก็ตาม
ข้อมูลดังกล่าวมักจะบ่งบอกถึงตัวเลขที่คล้ายกันกับ ข้อมูลสินค้าคงคลังน้ำมันอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะประกาศในวันนี้ แต่การลดลงที่มากเกินคาดนั้นบ่งชี้ว่าความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงของสหรัฐกำลังเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูการเดินทาง ซึ่งมักจะเริ่มในช่วงสุดสัปดาห์ Memorial Day
จับตาข้อมูล GDP และเงินเฟ้อสหรัฐฯ
ความสนใจของตลาดในวันนี้จะอยู่ที่ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับ GDP ในไตรมาสแรกของสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะแสดงให้เห็นความยืดหยุ่นในเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก
แม้ว่าเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจะให้สัญญาณเป็นบวกเกี่ยวกับความต้องการน้ำมัน แต่ก็ยังทำให้ธนาคารกลางมีพื้นที่ในการคงอัตราดอกเบี้ยให้สูงได้นานขึ้น ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อความต้องการเช่นกัน
ความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงในสหรัฐถือได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันราคาน้ำมันในหลายเซสชั่นที่ผ่านมา เนื่องจากเจ้าหน้าที่หลายคนของเฟดได้กล่าวเตือนว่าธนาคารยังต้องการความมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อกำลังลดลงก่อนที่จะสามารถเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้
ด้วยเหตุนี้ ข้อมูลดัชนีราคา PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดเชื่อมั่นนั้นมีกำหนดการณ์จะประกาศในวันศุกร์ และมีแนวโน้มที่จะส่งผลต่อมุมมองของธนาคารกลางต่ออัตราดอกเบี้ย
นอกจากเฟดและอัตราดอกเบี้ยแล้ว ตลาดน้ำมันยังต้องรอการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร (OPEC+) ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 2 มิถุนายนนี้ โดยกลุ่มคาดว่าจะยังคงระดับการลดการผลิตในปัจจุบันไปจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน
ข้อมูล PMI จากประเทศจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก ก็มีกำหนดการณ์จะเปิดเผยในวันศุกร์เช่นกัน และคาดว่าจะให้สัญญาณทางเศรษฐกิจเกี่ยวกับประเทศเพิ่มเติม