Investing.com - ราคาน้ำมันทรงตัวในวันนี้ แต่ยังคงอยู่ในระดับที่ขาดทุนรายสัปดาห์อย่างหนักเนื่องจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูงได้กระตุ้นให้เกิดข้อสงสัยว่าความต้องการจะยังคงแข็งแกร่งในปีนี้หรือไม่
เมื่อเวลา 21:02 ET (01:02 GMT) น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส ที่จะครบกำหนดในเดือนกรกฎาคม ขยับลง 0.1% เป็น 81.31 ต่อดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส ขยับลง 0.1% เป็น 76.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้าน น้ำมันดิบเบรนท์ ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบสองเดือน ขณะที่น้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบสามเดือน
น้ำมันอาจขาดทุนรายสัปดาห์จากความกังวลเรื่องอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีทั้งสองมีแนวโน้มที่จะขาดทุนมากกว่า 4% ในสัปดาห์นี้ หลังถูกกดดันจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ที่ยังคงสูงและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและนานขึ้น
สัญญาณที่หลากหลายจากธนาคารกลางสหรัฐสะท้อนถึงความวิตกกังวลในหมู่ผู้กำหนดนโยบายว่าเงินเฟ้อมีความคืบหน้าที่ช้าลงในบรรลุเป้าหมายประจำปีที่ 2% ของธนาคารกลาง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวคาดว่าจะผลักดันให้ธนาคารคงอัตราดอกเบี้ยให้สูงต่อไป
ผู้กำหนดนโยบายบางคนยังมองว่าอาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่สูง ทำให้นักลงทุนลดเดิมพันเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน โดย เครื่องมือติดตามอัตราดอกเบี้ยของเฟด แสดงความเป็นไปได้ที่เกือบเท่ากันในโอกาสของการลดหรือคงอัตราดอกเบี้ย
แนวคิดนี้ทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและกดดันตลาดน้ำมัน นอกจากนี้ยังส่งผลให้เกิดความกังวลว่าแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยจะขัดขวางการเติบโตทางเศรษฐกิจในเดือนที่จะถึงนี้ ทำให้ความต้องการน้ำมันยังคงอยู่ในระดับต่ำ
อย่างไรก็ตาม อุปสงค์น้ำมันในสหรัฐฯ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ต่อ ๆ ไปเนื่องจากการเดินทางที่เพิ่มขึ้นในฤดูร้อน วันหยุดสุดสัปดาห์วัน Memorial Day มักจะถือเป็นการเริ่มต้นของฤดูกาลนี้ โดยที่ความต้องการน้ำมันเบนซินภายในประเทศเริ่มเห็นการเพิ่มขึ้นแล้ว
จับตาการประชุม OPEC+ หาสัญญาณอุปทานเพิ่มเติม
ขณะนี้ตลาดกำลังจับตาดูการประชุมขององค์กรประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร (OPEC+) ซึ่งมีกำหนดการณ์จะจัดขึ้นในวันที่ 1 มิถุนายน
ความสนใจของตลาจะอยู่ที่ว่ากลุ่มจะขยายการลดกำลังการผลิตปัจจุบันไปเกินกำหนดเดิมที่สิ้นเดือนมิถุนายนหรือไม่ การขยายการลดการผลิตใด ๆ เพิ่มเติมคาดว่าจะช่วยเพิ่มราคาน้ำมันดิบด้วยแนวโน้มของตลาดที่เข้มงวดขึ้น
แต่ตลาดจะเข้มงวดแค่ไหนในปีนี้นั้นยังไม่แน่นอน โดยเฉพาะเมื่อการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ผ่อนคลายลงยังชี้ให้เห็นถึงการหยุดชะงักของอุปทานที่น้อยลงอีกด้วย