SINO-THAI ENGINEERING AND CONSTRUCTION พร้อมสู้..เข้าสู่สนามการแข่งขัน
งานสนามบินอู่ตะเภา..ช่วยต่อยอดงานในมือ
STEC จะมีงานในมือเพิ่มหลังการลงนามโครงการสนามบิน อู่ตะเภา วงเงินโครงการ 2.9 แสน ล้านบาท กับกลุ่ม BBS (BA ถือหุ้น 45% BTS ถือหุ้น 35% และ STEC ถือหุ้น 20%) บริษัท คาดในเฟส แรก จะมีงานก่อสร้างวงเงินราว 2 หมื่นล้านบาท โดยโครงการสนามบินอู่ตะเภา จะสามารถก่อสร้างและมีโอกาสรับรู้รายได้ในช่วงปี 2565 ขณะเดียวกันมีงานที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา คืองานมอเตอร์เวย์ (งาน O&M ) มีมูลค่างานก่อสร้างราว 6 พันล้านบาท ส่งผลให้ STEC จะมีงานในมือเข้าสู่ระดับ 1.1 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นงานใหม่ที่รับรู้รายได้ต่อเนื่อง ถัดจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม/ชมพู/เหลือง
พร้อมแข่งขัน..เตรียมเข้าประมูลงานเพิ่ม
แม้ว่า STEC จะมีงานในมือรองรับรายได้พอควร อย่างไรก็ดี STEC ยังให้ความสนใจในกาiเข้าประมูลงานใหม่ที่เตรียมขายซองประมูล TOR ในปี 2563 ทั้งจากรถไฟฟ้าสายสีส้ม / ม่วง ต่อขยาย สำหรับโครงการที่มีการประมูลในรูปแบบ PPP net cost ยังคงร่วมประมูลพร้อมกับพันธมิตร BTS เช่นสายสีส้ม และ สายสีแดง อยู่ระหว่างพิจารณาเตรียมประมูลรูปแบบ PPP ในปี 2564 ขณะเดียวกันมีโครงการรถไฟทางคู่เฟส 2 โดย 2 เส้นทางที่ภาครัฐอนุมัติแล้ว คาดเห็นความคืบหน้าก่อนคือ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และ บ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ดมุกดาหาร-นครพนม คาดซึ่งเริ่มต้นประมูลราวปลายปี 2563 ซึ่งมีความเป็นไปได้ต่อเป้าหมายการรับงานใหม่เพิ่มของ STEC ในปี 2563 ที่ 4 หมื่นล้านบาท
กราฟหุ้น ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) (BK: กดดดูกราฟหุ้น STEC) รอบ 1 เดือนที่ผ่านมา
คำแนะนำ “เก็งก าไร”
STEC คงจุดเด่นการเป็นผู้รับเหมารายใหญ่ที่มีศักยภาพในการรับงานโครงการขนาดใหญ่ของ ภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีโอกาสรับงานใหม่จากภาครัฐ โดยโครงการคาดหมาย เช่นงานรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย/ งานรถไฟทางคู่เฟส 2 ขณะเดียวกัน งานในมือแข็งแกร่งมีโอกาสเข้าสู่ ระดับแสนล้านบาทในระยะใกล้ ส่งผลให้การรับรู้รายได้ในช่วง 2-3 ปี ข้างหน้าไม่น่ากังวล ขณะที่โครงการรัฐสภาที่มีมาร์จิ้น 0% ยังกดดันผลประกอบการในช่วง1-3 ไตรมาสข้างหน้า ราคาเหมาะสมปี 2563 ที่ 23.20 บาท (อ้างอิง PBV-1.50SD ที่ 2.4เท่า)
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities