► กำไรสุทธิ 1Q63 ลดลง 20%YoY และลดลง 4%QoQ
► รายได้เพิ่มขึ้น YoY จากยอดขายอาหารทะเลแปรรูปที่เพิ่มขึ้น 16%YoY แม้ ยอดขายอาหารทะเลแช่แข็งลดลง 5%YoY
► อัตรากำไรขั้นต้น 1Q63 อยู่ที่ 16.2% ขณะที่อัตราค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ต่อยอดขายทรงตัวอยู่ที่ 11.3%
► ช่วง 2Q63 คาดว่าธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปยังเติบโตดี ใกล้เคียงกับ 1Q63 ขณะที่บริษัทคาดว่าธุรกิจอาหารแช่แข็งจะได้รับผลกระทบ 20% ใน 2Q63
► เราปรับประมาณการำไรสุทธิปี 2563 และ 2564 ลง 22% และ 13% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนผลกระทบจาก COVID-19
► แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 16.00 บาท
กำไรสุทธิ 1Q63 ลดลง 20%YoY และลดลง 4%QoQ
ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (BK:TU) รายงานกำไรสุทธิที่ 1,016 ล้านบาท ลดลง 20%YoY และลดลง 4%QoQ เป็นไป ตามที่เราคาด โดยลดลงจากผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน และส่วนแบ่งขาดทุนจากเงิน ลงทุนในบริษัทร่วม จากคำสั่งปิดร้านอาหารในสหรัฐฯ ส่งผลให้ผลประกอบการของ Red Lobster อ่อนตัว ด้านรายได้รวมอยู่ที่ 31,103 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6%YoY แต่ลดลง 5%QoQ จากยอดขายอาหารทะเลแปรรูปที่เพิ่มขึ้น 16%YoY จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้ยอดขายอาหารทะเลแปรรูปปรับเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค ขณะที่ธุรกิจ อาหารแช่แข็งได้รับผลกระทบในอเมริกา แต่ยอดขายในญี่ปุ่นและเอเชียปรับสูงขึ้น ส่วน อัตรากำไรขั้นต้น 1Q63 อยู่ที่ 16.2% สูงกว่า 1Q62 และ 4Q62 ที่ 14.9% และ 16.1% ตามลำดับ จากการเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง ขณะที่อัตราค่าใช้จ่ายใน การดำเนินงานต่อยอดขายทรงตัวที่ 11.3% จากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ
ภาพรวม 2Q63 ทรงตัว QoQ
บริษัทคาดว่าในช่วง 2Q63 ธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปยังเติบโตดี ใกล้เคียงกับ 1Q63 เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นรายย่อย ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ขณะที่คาด ว่าธุรกิจอาหารแช่แข็งจะได้รับผลกระทบ 20% ใน 2Q63 (1Q63 มีสัดส่วนรายได้จาก ธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป: ธุรกิจอาหารแช่แข็ง: ธุรกิจอาหารสัตว์ = 50%: 35%: 15%) ด้านค่าเงินบาทอ่อนค่าช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งในต่างประเทศได้ รวมถึงราคาปลาทูน่าที่เพิ่มขึ้น 52%QoQ โดยราคาเฉลี่ยในช่วง 1Q63 อยู่ที่ 1,442 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน (กลับสู่ระดับราคาเฉลี่ยปกติ) ส่งผลให้บริษัทสามารถจัดการ ยอดขายและสินค้าคงเหลือได้ดีขึ้น ด้าน Red Lobster บริษัทเร่งยอดขายจาก Delivery & Takeaway รวมถึงการลดค่าใช้จ่าย เพื่อชดเชยรายได้ที่ลดลง และพยายามปรับ ภาพลักษณ์แบรนด์ให้เป็นร้านอาหารที่สามารถรับประทานได้ในทุก ๆ วัน อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าผลประกอบการของ Red Lobster มีแนวโน้มจะขาดทุนมากขึ้น จากการปิด ร้านอาหารที่นานกว่าช่วง 1Q63
แนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาเป้าหมายเป็น 16.00 บาท
บริษัทมีแผนลด CAPEX 25% รวมถึงลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และค่าใช้จ่าย ทางการตลาด นอกจากนี้บริษัทมีการเพิ่มหนี้ระยะสั้น สำรองเงินสดมากขึ้น เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทั้งนี้เราปรับรายได้ปันส่วนปี 2563 และ 2564 ลง จากผลประกอบการ Red Lobster ที่อ่อนแอ ส่งผลให้กำไรสุทธิลดลง 22% และ 13% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนผลกระทบจาก COVID-19 แนะนำ “ซื้อ” ปรับ ราคาเป้าหมายเป็น 16.00 บาท (เดิม 18.40 บาท) อิงค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 5 ปีที่ 18.00 เท่า
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities
ดูหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทยรายตัว
https://th.investing.com/equities/