เราคาดว่าผลประกอบการของ TU ในงวด 1Q20 จะมีกำไรสุทธิที่ 889 ลบ. ( - 30%YoY, -16%QoQ) โดยได้รับผลกระทบจาก COVID -19 ที่ทำให้ธุรกิจอาหารแช่ แข็งที่สหรัฐฯได้รับผลกระทบจากร้านอาหารที่ปิดไป (ประมาณ 50% ของธุรกิจ อาหารแช่แข็งที่สหรัฐฯ หรือประมาณ 10% ของรายได้รวม) รวมถึงผลจากการปิด ร้าน Red Lobster ที่ทำให้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนลดลงมาก แม้ธุรกิจปลาทูน่า กระป๋องจะได้รับผลดีจากความต้องการของผู้บริโภคที่ทำการซื้อไปเก็บไว้ในช่วงที่ ต้องทำงานที่บ้านก็ตาม โดยเราคาดรายได้อยู่ที่ 28,439 ลบ. ( - 3%YoY, -13%QoQ สาเหตุที่ลดจาก 4Q19 มากเพราะเป็นผลตามฤดูกาลที่ในช่วงต้นปีผลผลิตจากธุรกิจ กุ้งจะลดลง) กกไรขั้นต้นอยู่ที่ 15.4% ดีขึ้นจาก 14.9% ใน 1Q19 เนื่องจากธุรกิจ อาหารแปรรูปมีกำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากผลดีของต้นทุนปลาทูน่าที่ปรับลดลงในปีที่ผ่าน มา แต่ลดลงจาก 16.1% ใน 4Q19 เป็นผลตามฤดูกาลเช่นกัน ค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหารอยู่ที่ 3,413 ลบ. (+2%YoY, -9%QoQ) สาเหตุที่ยังสูงส่วนหนึ่งมาจาก ค่าใช้จ่ายพนักงานที่เพิ่มขึ้น ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนคาดว่าจะรับรู้เข้ามา 1 42 ลบ. (เทียบกับ 347 ลบ.ใน 1Q19 และจากที่ขาดทุน 66 ลบ. ใน 4Q19) สำหรับ ดอกเบี้ยรับจากการลงทุนใน Red Lobster จะยังบันทึกเข้ามาได้ตามปกติประมาณ 270 ลบ. ดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ 475 ลบ. ( -10 %YoY, -6%QoQ) เนื่องจากมีการออก Perpetual Bond ซึ่งดอกเบี้ยส่วนดังกล่าวจะไม่ถูกนำมาคิดในงบกำไรขาดทุนแต่จะ ไปถูกหักออกในส่วนของกำไรสะสมแทน ทั้งนี้ประมาณการข้างต้นเราไมได้รวมผล ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่คาดว่าจะบันทึกเข้ามาในหลักสิบล้านบาทจากการที่ ค่าเงินบาท ณ สิ้นไตรมาสอ่อนค่าลงจากปลายปีก่อน
ต้องติดตามว่า COVID -19 จะจบเมื่อใด
ภาพรวม ณ ปัจจุบันของ TU ในแง่การผลิตยังคงไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เช่นเดียวกับ ค าสั่งซื้อในกลุ่มอาหารแปรรูปที่ยังเห็นการเติบโตได้ต่อถึงอย่างน้อยเดือน พ.ค. ตาม รายงานที่ออกไปเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยสิ่งที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดยังคงเป็นเรื่อง ของปัญหาโรค COVID -19 ว่าจะจบเมื่อใด เนื่องจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับร้านอาหาร และโรงแรมได้รับผลกระทบอย่างมาก
ปรับกำไรลงอีกรอบหลังประเมิน 1Q20 ออกมาไม่ดี
เราปรับกำไรสุทธิปี 20 ลงจากเดิมอีกครั้งมาอยู่ที่ 5, 092 ลบ. หลังประเมินกำไรสุทธิ ในช่วง 1Q20 จะออกมาต่ำกว่า 1,000 ลบ. ขณะที่ในช่วง 2Q20 คาดว่าเป็นไตร มาสที่ได้รับผลกระทบจาก COVID -19 มากขึ้นเพราะได้รับผลกระทบเต็มที่หลังจาก โรคเริ่มระบาดในช่วงกลาง 1Q20 โดยปรับลดประมาณการรายได้ลงจากเดิม 2% มาอยู่ที่ 126,500 ลบ.ทรงตัวจากปี 19 และปรับเพิ่มส่วนแบ่งขาดทุนจาก Red Lobster เข้ามา 500 ลบ. จากเดิม 280 ลบ. สำหรับคำแนะนำการลงทุน แม้ผลประกอบการช่วง 1Q20 จะอ่อนตัวลง แต่ปัจจัย บวกสำหรับ TU ระยะสั้นๆยังมีอยู่เช่นกันไม่ว่าจะเป็นความต้องการที่เพิ่มขึ้นจาก สินค้าอาหารแปรรูป การปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาปลาทูน่า (เดือน มี.ค. ราคาขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1,500 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน) และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง (รายได้ของ TU กว่า 80% เป็นสกุลเงินต่างประเทศ) ดังนั้นเรายังคงแนะนำ “ซื้อเก็ง กำไร” เช่นเดิม โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมได้ใหม่ที่ 16.10 บาท ( 1 6XP EV’20 E )
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ cgsec.co.th