ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของผู้ลงทุนเริ่มหวนคืนกลับมาอีกครั้ง ในสัปดาห์ที่แล้วเหล่าหุ้นเทคโนโลยีที่มีการเติบโตสูงต่างก็พุ่งขึ้น ช่วยหนุนให้บรรดาดัชนีหลักของสหรัฐฯ พากันปรับขึ้นเช่นกัน โดยในปีนี้ถือว่าหุ้นเทคโนโลยียังคงเป็นผู้ทำผลงานได้ดีที่สุดใน S&P 500
หุ้นสามตัวที่เรากำลังจับตามองอย่างใกล้ชิดในขณะนี้มีดังต่อไปนี้
1. Boeing
สัปดาห์นี้อาจเผยให้เห็นภาพอนาคตที่ชัดเจนยิ่งขึ้นของหุ้นบริษัท Boeing (NYSE:BA) ที่ถูกทุบราคาเสียจนดิ่งลงเหว เนื่องจากผู้ควบคุมดูแลสายการบินทั่วโลกยกเลิกการขึ้นบินของเครื่องบินรุ่น 737 MAX 8 ของบริษัท ภายหลังจากเครื่องบินรุ่นดังกล่าวประสบเหตุเครื่องบินตกถึงสองครั้งในระยะเวลาห้าเดือนที่ผ่านมา
หุ้นของบริษัท Boeing ที่เคยพุ่งขึ้น 37% ในช่วงต้นปี จนกระทั่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุเครื่องบินจากสายการบินเอธิโอเปียตก จึงทำให้บริษัทสูญเสียมูลค่ากว่า 15% ภายในสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องมาจากความกังวลว่า Boeing อาจต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะสามารถพลิกฟื้นขึ้นจากวิกฤตการณ์ดังกล่าว ผู้ควบคุมดูแลสายการบินทั่วโลกเผยว่าพวกเขาจะนำการสั่งซื้อเครื่องบินกับ Boeing กลับไปพิจารณาใหม่อีกครั้ง
อ้างอิงจากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และสมมติว่าบริษัทยังคงดำเนินการผลิตเครื่องบินเจ็ทรุ่น MAX ต่อไป ถ้าหากลูกค้าปฏิเสธการส่งมอบเครื่องบิน กระแสเงินสดรายเดือนของ Boeing จะลดลงราว 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ถึง 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รวมถึงการชดเชยค่าเสียหายใด ๆ ที่อาจต้องจ่ายให้แก่สายการบินอีกด้วย
2. Facebook
ดูเหมือนว่าซีอีโอของ Facebook (NASDAQ:FB) นายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก รวมถึงผู้บริหารทางสื่อสังคมออนไลน์อื่น ๆ จะต้องใช้แผนการดำเนินงานแบบควบคุมความเสียหายไปก่อนในสัปดาห์นี้ หลังจากเกิดเหตุการณ์ยิงสังหารหมู่ที่มัสยิด 2 แห่งในนิวซีแลนด์ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 50 ราย โดยในขณะเกิดเหตุผู้ก่อการร้ายได้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการไลฟ์สตรีมด้วย ฉะนั้นการกระทำดังกล่าวจึงเป็นสัญญาณเตือนให้มีการบังคับใช้มาตรการควบคุมแพลตฟอร์มประเภทดังกล่าวอย่างรัดกุมมากกว่านี้
เมื่อวันศุกร์ หุ้นของ Facebook ดิ่งลงมากกว่า 2% ลงสู่ระดับ $165.98 ภายหลังจากแรงซื้อที่แข็งแกร่งเมื่อต้นปี 2019 เนื่องด้วยสัญญาณที่บ่งชี้ว่ารายได้จากการโฆษณาของบริษัทนั้นไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากกระแสต่อต้านสื่อสังคมออนไลน์เลย แต่เหตุการณ์ล่าสุดที่นิวซีแลนด์จะเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันให้แก่บริษัทสื่อสังคมออนไลน์ทุกบริษัท เพื่อไม่ให้ผู้ใช้เผยแพร่ความเกลียดชังและความรุนแรงผ่านทางสื่อ
ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ครั้งนี้ เราเชื่อว่าเป็นไปได้สูงที่หุ้น Facebook จะทะยานขึ้นอีกครั้ง ฉะนั้นจึงต้องจับตาดูว่าแรงขายของหุ้นส่งสัญญาณทวีความรุนแรงมากขึ้นหรือไม่
3. Tesla
การเทขายหุ้น Tesla (NASDAQ:TSLA) ครั้งล่าสุดยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่าย ๆ แม้ว่าบริษัทจะเปิดตัวรถลูกผสมรุ่น Model Y เมื่อวันศุกร์ก็ตาม ผู้ลงทุนยังคงเทขายหุ้นบริษัทจนดิ่งลงมากกว่า 5% เหลือเพียง $275.43 แสดงให้เห็นว่าผู้ลงทุนมีความกังวลด้านสถานการณ์ทางการเงินของบริษัท ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่เราได้กล่าวถึงไปแล้วในบทวิเคราะห์ของสัปดาห์ที่แล้ว
สาเหตุหนึ่งที่เป็นไปได้ว่ามีส่วนทำให้ผลงานของหุ้น Tesla ย่ำแย่นั่นก็คือ ผู้ลงทุนอาจไม่พอใจกับแผนการของซีอีโอ นายอีลอน มัสก์ ที่เรียกเก็บเงินมัดจำ $2,500 สำหรับรถลูกผสมที่เขาจะทำการส่งมอบรถในอีก 18 เดือนถัดไป ซึ่งเป็นเงินมัดจำที่มีจำนวนมากกว่าสองเท่าของเงินมัดจำรถยนต์รุ่น Model 3 sedan
ด้วยเงินสดสำรองในบริษัทที่มีจำนวนน้อย กลยุทธ์ทางการตลาดที่มีปัญหา และซีอีโอที่มักต่อกรปัญหากับสำนักงานคณะกรรมการกำกับ