เฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ “คง”ดอกเบี้ย
ประธานเฟดย้ำจุดยืน “ไม่เร่งรีบ” ลดดอกเบี้ย หลังภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง
Fed Funds Target Range
Actual: 4.25-4.50% Previous: 4.25-4.50%
KTBGM: 4.25-4.50% Consensus: 4.25-4.50%
คณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ “คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.25-4.50% หลังภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง โดยอัตราการว่างงานทรงตัวอยู่ในระดับต่ำในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ส่วนอัตราเงินเฟ้อก็ยังคงอยู่ในระดับสูง
ประธานเฟด Jerome Powell ได้ย้ำจุดยืน “ไม่เร่งรีบ” ลดดอกเบี้ย โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง ขณะเดียวกัน ยังมีความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจได้ โดยเฟดยังคงมุ่งมั่นที่จะต้องการบรรลุเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ 2% นอกจากนี้ ประธานเฟด ยังได้ย้ำอีกว่า การดำเนินนโยบายการเงินของเฟดจะถูกชี้นำโดยเป้าหมายทางเศรษฐกิจและกฎหมาย ไม่ใช่การเมือง
เราคงมุมมองเดิมว่า เฟดยังมีโอกาสลดดอกเบี้ย 25bps ในการประชุมเดือนมีนาคม หากตลาดแรงงานสหรัฐฯ ชะลอตัวลงต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้อ PCE ก็มีแนวโน้มชะลอลง ส่วนนโยบายกีดกันทางการค้าอาจไม่ได้รุนแรงอย่างที่ตลาดกังวล และทั้งปี เฟดอาจเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้ง หรือ 75bps แต่เรายอมรับว่า การลดดอกเบี้ยของเฟดอาจเกิดขึ้นได้ช้ากว่าที่เราประเมินไว้ได้ ขึ้นกับการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump 2.0
Next FOMC Decision: March 20 2025 (1 AM BKK)
คณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้ “คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.25-4.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
FOMC มองข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดสะท้อนการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในอัตราที่แข็งแกร่ง โดยอัตราการว่างงานทรงตัวในระดับต่ำในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และภาวะตลาดแรงงานโดยรวมก็แข็งแกร่ง ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ คณะกรรมการ FOMC ได้ให้ความสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายการจ้างงานที่เต็มศักยภาพและเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ 2% (Dual Mandate) ซึ่งคณะกรรมการก็มองว่า แม้แนวโน้มเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน แต่ความเสี่ยงที่จะส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมายดังกล่าวก็มีความสมดุลมากขึ้น ดังนั้น คณะกรรมการจึงมีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.50-4.75% พร้อมกับเดินหน้าลดงบดุล โดย FOMC มีความมุ่งมั่นอย่างยิ่งที่จะเดินหน้าสนับสนุน Dual Mandate ทั้งนี้ ในส่วนของการพิจารณาปรับเปลี่ยนดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมนั้น คณะกรรมการจะใช้ความระมัดระวังในการประเมินข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับ แนวโน้มพัฒนาการของเศรษฐกิจและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ
ในส่วนถ้อยแถลงของประธานเฟด ได้สะท้อนว่า เฟดยังไม่เร่งรีบผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม หลังเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งอยู่ อีกทั้งยังมีความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้เฟดยังคงต้องการความมั่นใจว่าจะสามารถคุมอัตราเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมาย 2% ได้ ทว่า ประธานเฟดยังคงย้ำว่า นโยบายการเงินของเฟดยังคงอยู่ในระดับที่ตึงตัวอยู่ ทว่าแนวโน้มดอกเบี้ยก็ยังมีความไม่แน่นอนอยู่สูง นอกจากนี้ ประธานเฟดยังได้ย้ำว่า นโยบายการเงินของเฟดจะขึ้นกับเป้าหมายทางเศรษฐกิจและกฎหมาย ไม่ใช่การเมือง
เราคงมุมมองเดิมว่า เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ย 25bps ในการประชุมเดือนมีนาคม ตามการชะลอตัวลงต่อเนื่องของอัตราเงินเฟ้อและตลาดแรงงานสหรัฐฯ
ในการประชุมเฟดครั้งนี้ จะเห็นได้ว่า เฟดมีการปรับเปลี่ยนถ้อยคำในแถลงการณ์ (Statement) พอสมควร เพื่อสะท้อนว่า ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในส่วนของตลาดแรงงานที่อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ เฟดยังได้ส่งสัญญาณถึงความกังวลต่อแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฟดได้ตัดถ้อยคำ “Inflation has made progress toward 2% target” ออก ซึ่งการปรับเปลี่ยนถ้อยคำดังกล่าว ก็เพื่อให้สอดคล้องกับการตัดสินใจคงดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้
อย่างไรก็ดี แม้ เฟดดูมีความกังวลต่อการบรรลุเป้าหมายด้านเงินเฟ้อใน Dual Mandate พอสมควร แต่เราคงมุมมองเดิมว่า รัฐบาล Trump 2.0 อาจยังไม่รีบดำเนินนโยบายที่จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวสูงขึ้น จนกระทบต่อค่าครองชีพและความเป็นอยู่ของชาวอเมริกัน เมื่อประเมินจากมิติของการเมืองสหรัฐฯ ที่พรรครีพับลิกันไม่ได้มีเสียงข้างมากในสภาเยอะเหมือนในสมัย Trump 1.0 อีกทั้ง นโยบายกีดกันทางการค้าก็จะมีแนวโน้มส่งผลกระทบเชิงลบทั้งในแง่การจ้างงานภาคการผลิต (ที่ยังมีแนวโน้มชะลอตัวลงอยู่ในปัจจุบัน) และค่าครองชีพต่อฐานเสียงของพรรครีพับลิกันเป็นหลัก ทำให้เราคงมุมมองเดิมว่า อัตราเงินเฟ้อ PCE ที่เฟดติดตามใกล้ชิด ยังมีแนวโน้มกลับมาชะลอตัวลงได้ ขณะเดียวกัน ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ก็ยังมีแนวโน้มชะลอลงต่อเนื่อง ซึ่งเราคาดว่าจะเห็นยอดการจ้างงานฯ ที่ลดลงเฉลี่ยเดือนละ 6 หมื่น – 1 แสนรายได้ หลังการปรับปรุงข้อมูล (Downward Revision) โดยเมื่อถึงการประชุมเฟดในเดือนมีนาคม เฟดจะได้รับรู้ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อและการจ้างงานในเดือนมกราคมและเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเรามองว่า อาจเพียงพอให้เฟดสามารถตัดสินใจเดินหน้าลดดอกเบี้ย 25bps ได้ในการประชุมดังกล่าว แต่เราก็ยอมรับว่า เฟดอาจชะลอการลดดอกเบี้ยไปก่อนได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทยอยออกมาดีกว่าคาด โดยเฉพาะในส่วนของตลาดแรงงาน ส่วนอัตราเงินเฟ้อก็ดูไม่ได้ชะลอลงชัดเจน หรือในกรณีที่ รัฐบาลสหรัฐฯ เดินหน้านโยบายกีดกันทางการค้าที่รุนแรงกว่าคาด
หากมุมมองของเรานั้นถูกต้อง โดยเฟดอาจมีโอกาสลดดอกเบี้ยได้มากกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด เรามองว่า ในกรณีดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนมุมมอง (Repricing Fed’s rate cuts) ทำให้ บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ โดยเฉพาะบอนด์ยีลด์ระยะยาว อย่าง บอนด์ 10 ปี ยังมีโอกาสปรับตัวลดลงได้บ้าง ทำให้เราคงมองว่า ผู้เล่นในตลาดสามารถหาจังหวะที่เหมาะสมในการทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาว ในช่วงบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นได้ เนื่องจากการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ในช่วงนี้ ทำให้บอนด์ระยะยาวมีความน่าสนใจมากขึ้น นอกจากนี้ ในช่วงระยะสั้น ภายในไตรมาสแรก เรามองว่า เงินดอลลาร์มีโอกาสอ่อนค่าลงได้บ้าง ในกรณีที่เฟดสามารถลดดอกเบี้ยได้เร็วกว่าที่ตลาดประเมินไว้ ทำให้เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทอาจแข็งค่าได้มากสุดในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ก่อนที่จะเสี่ยงทยอยอ่อนค่าลงในช่วงถัดไป เมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ เดินหน้านโยบายกีดกันทางการค้า ซึ่งการอ่อนค่าของเงินบาทจะรุนแรงเพียงใด ก็จะขึ้นกับความรุนแรงของนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจไทย
หุ้นตัวใดที่คุณควรซื้อในการเทรดครั้งถัดไป?
ด้วยการประเมินมูลค่าหุ้นที่สูงริ่วในปี 2024 ดังนั้นนักลงทุนจำนวนมากจึงไม่สบายใจที่จะนำเงินมาลงในหุ้นเพิ่มขึ้น ไม่แน่ใจว่าจะลงทุนในหุ้นตัวใดต่อไปใช่ไหม? คุณสามารถเข้าถึงพอร์ตที่พิสูจน์แล้วของเราและค้นพบโอกาสการลงทุนที่มีศักยภาพสูง
เฉพาะในปี 2024 เพียงปีเดียว เทคโนโลยี AI ของ ProPicks AI ได้ระบุหุ้น 2 ตัวที่ราคาพุ่งขึ้นกว่า 150%, หุ้นเพิ่มเติมอีก 4 ตัวที่ดีดตัวขึ้นกว่า 30% และหุ้นอีก 3 ตัวที่ไต่ระดับขึ้นกว่า 25% เป็นสถิติที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง
ด้วยพอร์ตลงทุนที่ปรับให้เหมาะสำหรับหุ้นดาวน์โจนส์, หุ้น S&P, หุ้นเทคฯ และหุ้นขนาดกลาง (Mid Cap) ต่าง ๆ ดังนั้นคุณจึงสามารถสำรวจกลยุทธ์ที่สร้างความมั่งคั่งต่าง ๆ ได้