Healthcare / SCGP
• SET: นักลงทุนต่างชาติยังคงมีทิศทางขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย หลังจาก ระดับ Bond yield และเงิน USD ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง รับกระแส Trump trade ที่เราประเมินไว้ ประเมินภาพ SET Index ยังคงอยู่ในโหมด ข็มตัวต่อไป จากการขาดปัจจัยกระตุ้นในระยะสั้น และแรงชื่อของนักลงทุน สถาบันภายในประเทศที่เป็นลักษณะของการ 'รอซื้อ' มากขึ้น คงกรอบการ แกว่งตัวของดัชนี SET สัปดาห์นี้ที่ 1440-1480 จุด และแนะนําเพียง อ ครองหุ้นในกลุ่ม Domestic play ที่เป็น Top pick ประจําไตรมาส 4 ต่อไป ซึ่งได้แก่ AP, COM7, HMPRO, ERW, ICHI, SAWAD, AEONTS, KTC, DIF, CPNREIT
• Healthcare: มีรายงานข่าวว่า ผลการประชุม “แก้ปัญหางบค่ารักษา รพ.เอกชน” นัดที่ 2 ยังไม่ได้ข้อสรุป แม้ “ประกันสังคม” ยืนยันจ่ายได้ 12,000 บาทต่อหน่วย คงที่ตลอดปี 68 แต่ขอดูต้นทุนค่าบริการก่อน เหตุอยากมั่นใจเงินที่จ่ายไปคุ้มค่าจริง พร้อมนัดประชุมครั้งสุดท้ายเคาะ หาทางออกต้นเดือนธันวาคมนี้
• Our take: จากประเด็นข่าวข้างต้น ส่งผลให้ราคาหุ้นโรงพยาบาลที่มีการ รับกลุ่มประกันสังคมเช่น BCH และ CHG ปรับตัวลดลงในช่วงบ่ายวานนี้ โดยเรามองว่าประเด็นดังกล่าวยังคงกดดันราคาหุ้นในช่วงนี้ เนื่องจากมี Downside ต่อรายได้และกําไร หากมีการจ่ายจริงค่ากว่า 12,000 ตามที เคยบันทีก โดยในช่วง 2Q67 บางโรงพยาบาลได้มีการบันทึกส่วนต่างนี้ไป แล้ว และในอนาคตหากไม่มีการการันตีรายได้กลุ่มนี้ มีโอกาสให้ โรงพยาบาลเอกชนตัดสินใจออกจากระบบประกันสังคม เนื่องจากจะส่งผล ให้มีรายได้รับไม่มั่นคง และอาจมีการบันทึกขาดทุนในส่วนที่ให้บริการไป แล้ว อย่างไรก็ดี คงต้องรอความชัดเจนจากการประชุมรอบถัดไปในวันที่ 3 ธันวาคมนี้
• Strategy: สําหรับกลุ่มโรงพยาบาล ในเชิงกลยุทธ์เราแนะนําให้นํ้าหนัก Neutral แม้ว่าโรงพยาบาลหลายแห่งเตรียมจะประกาศงบฯไตรมาส 3/67 ออกมาในเกณฑ์ดี แต่คาดว่าจะเป็นไตรมาสสูงสุดของปี ก่อนที่โมเมนตัม ของกําไรจะทยอยอ่อนตัวลงในช่วงไตรมาส 4 โดยหากต้องเลือก Selective มองไปยัง PR9 ซึ่งมี Catalyst ประเด็นการถูกนําเข้า ดัชนี SET100 ที่รออยู่
• SCGP: รายงานกําไร 3Q24 ที่ 577 ล้านบาท -56% YoY, -60% QoQ ต่ากว่าที่เราและตลาดคาด เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้า และต้นทุนที่ยังอยู่ใน ระดับสูง ในขณะที่ราคาขายยังไม่สามารถส่งผ่านต้นทุนได้ ทั้งนี้เรายังคง ประมาณการก่าไรทั้งปี 2024 ที่ 5.2 พันล้านบาท แต่อาจจะมี downside ต่อประมาณการ 5-10% โดย 9M24 คิดเป็นสัดส่วน 72% ประเมินว่ากําไร 4Q24 น่าจะปรับดีขึ้นมาเป็น 1.0-1.2 พันล้านบาท โดยต้นทุนกระดาษ รีไซเคิล AOCC เริ่มปรับลดลง
• คงคําาแนะนําา ถือ และราคาเป้าหมายปี 2025 ที่ 26.50 บาท อิง Avg PER -1 SD ที่ 21X ด้วยแนวโน้มอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด ส่งผลต่อ Demand ในธุรกิจ Packaging โดย 1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับลดลงไป 10% จนปัจจุบันราคาหุ้นอยู่ที่ 25.50 ใกล้กับราคาเป้าหมายจึงแนะน่าเพียง ถือ รอจังหวะราคาหุ้นพักตัวแล้วค่อยเก็งกําไรใน 4Q24 ที่คาดว่าจะฟื้นตัว
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities