แรงซื้อจากนักลงทุนต่างประเทศในงวด 3Q67 ที่ซื้อผ่าน NVDR+หุ้นใน กระดานหลัก รวมกว่า 5 หมื่นล้านถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของ SET INDEX ในช่วงที่ผ่านมา แต่หลังจากนี้ไปจะเป็นการส่งไม้ต่อจากแรงซื้อของ ต่างชาติ มาเป็นสถาบันในประเทศ หลังจากที่กองทุนวายุภักษ์ และ THAILAND ESG FUND เข้ามามีบทบาทในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น ซึ่งเชื่อ ว่าน่าจะหนุนให้SET INDEX ปรับตัวขึ้นไปต่อได้ อย่างไรก็ตามมีประเด็น ความเสี่ยงที่ต้องระวังคือ สถานการณ์สงครามในตะวันออกกลาง ซึ่ง ร้อนแรงขึ้น หลังอิหร่าน โจมตีเข้าไปในอิสราเอล ทำให้กังวลว่าจะเห็นการ ขยายวงของสงคราม และอาจมีผลกระทบไปยังเศรษฐกิจโลกในที่สุด อย่างไรก็ตามในเชิงของการกำหนดกลยุทธ์การลงทุน ให้นำหนักมากขึ้น ไปที่หุ้นในกลุ่มน้ำมัน ซึ่งน่าจะได้ประโยชน์จากสถานการณ์ ประเมินว่า SET INDEX น่าจะเคลื่อนไหวผันผวนในทิศทางขึ้น โดยวันนี้มี กรอบการเคลื่อนไหว 1457 – 1475 จุด โดยทิศทางในระยะกลางยังเป็น บวก หุ้น TOP PICK วันนี้เลือก AP, CK และ PTTEP
ราคาน้ำมันดิบดีดตัวแรง สะสมหุ้นกลุ่มน้ำมัน-โรงกลั่นช่วงสั้น วานนี้ราคาน้ำมันดิบ BRENT/ WTI ปรับตัวลงแรง 2.6% และ 1.6% ตามลำดับ ปิดที่ ระดับ 73.5 เหรียญฯ/บาร์เรล และ 70.9 เหรียญฯ/บาร์เรล ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจาก ความคาดหวังการฟื้นตัวของตัวเลขเศรษฐกิจในจีนที่ดูดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา (DEMAND เพิ่มขึ้น) ขณะที่ฝั่ง SUPPLY มีความกังวลหลังจากอิหร่านได้ยิงขีปนาวุธ โจมตีอิสราเอล เพื่อตอบโต้อิสราเอลที่ใช้ปฏิบัติการสังหารผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ซึ่ง เป็นพันธมิตรของอิหร่าน (SUPPLY ลดลง) ซึ่งจะเห็นได้ว่าเวลามีเหตุการณ์ความไม่ สงบในตะวันออกกลางทีไร มักจะดันใรราคาน้ำมันดิบ BRENT ผันผวน และปรับตัวขึ้น ในช่วงสั้นได้
ึ่งหากสงครามมีความยืดเยื้อ และรุนแรงมากขึ้น อาจหนุนให้ราคาน้ำมันดิบทยอย ปรับตัวขึ้นเรื่อยๆ และหนุนให้อัตราเงินเฟ้อของหลายประเทศต่างๆ เพิ่มขึ้นตามลำดับ ซึ่งจะตามมาด้วยการใช้นโยบายทางการเงินเชิงรุกที่มากขึ้นของ FED ECB BOE รวมถึง BOJ ก็เป็นได้ซึ่งอาจหนุนให้ DOLLAR INDEX แข็งค่าขึ้น ซึ่งกดดันค่าเงินบาท ให้อ่อนค่าตามกลไก เฉกเช่นในอดีตสงครามรัสเซีย-ยูเครน เปิดฉาก ก.พ. 2022 หลังจากนั้น ราคา น้ำมันดิบ BRENT ขึ้นจาก 20 เหรียญฯ/บาร์เรล สู่ 120 เหรียญฯ/บาร์เรล และหนุน อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯพุ่ง 9.1%YOY
โดยวันนี้คาด SET INDEX จะถูกดดันจาก SENTIMENT เชิงลบดังกล่าว แต่คาดมีหุ้น กลุ่มพลังงาน-โรงกลั่นที่มีสัดส่วนสูงถึง 1 ใน 3 ของน้ำหนักทั้งหมดเป็นตัวพยุง ส่วนหุ้น ที่ได้ประโยชน์ในยามราคาน้ำมันดิบขาขึ้น ได้แก่กลุ่มผู้ประกอบการผลิตและสำรวจ น้ำมันที่มีรายได้อิงกับราคาขายน้ำมัน คือ PTTEP, BCP ส่วนของธุรกิจโรงกลั่น คือ TOP, PTTGC, IRPC, BCP, ESSO, SPRC
สัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัว ยังหนุนให้ดอกเบี้ยขาลงเดินหน้าต่อ ข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ที่ส่งญาณอ่อนแอลง กำลังสะท้อนถึงเศรษฐกิจลดความ ร้อนแรงลงเรื่อยๆ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางหลายแห่ง (เฉพาะอย่างยิ่งใน กลุ่ม DM) มีแนวโน้มเดินหน้านโยบายการเงินผ่อนคลายต่อเนื่อง ล่าสุดสหรัฐฯ มีรายงานตัวแลขดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตเดือน ก.ย. ทรงตัวอยู่ที่ 47.2 จุด ซึ่งต่ำกว่าตลาดคาด และหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ขณะที่ DOT PLOT คาดการณ์ดอกเบี้ยสหรัฐฯ ปลายปี 2567 จะอยู่ที่ 4.5% หรือปรับลดดอกเบี้ยลงอีก อย่างน้อย 0.5% (2 ครั้ง)
ต่อมาในฝั่งยุโรปมีรายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.ย. 67 +1.8%YOY ตามคาด ซึ่งย่อ ตัวลดลงมาต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย 2% แล้ว ถือเป็นปัจจัยหนุนให้ ECB พิจารณาปรับ ลดดอกเบี้ยอีกในช้วงที่เหลือของปีนี้ ทั้งนี้ BLOOMBERG คาดว่า ECB จะปรับลดด ดอกเบี้ยอีกครั้งการประชุมรอบเดือน ธ.ค. นี้ สู่ระดับ 3.25%
ส่วนบ้านเรา รอกติดตามการหารือระหว่างผู้ว่าฯ ธปท. และกระทรวงการคลัง ซึ่งคาด ว่าน่าจะได้ข้อสรุปนโยบายการเงินได้เดือน ต.ค. นี้ ขณะที่ด้าน รมช.คลัง มองว่า “การ ปรับลดดอกเบี้ย” จะเป็นแนวทางการแก้ปัญหาหลักในการดูแลเสถียรภาพทางการเงิน ในระยะยาว
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities