- หุ้น S&P 500 อีก 493 ตัวดูเหมือนว่าจะทำผลงานได้ดีกว่า Magnificent 7 ในช่วงต้นไตรมาสที่ 3
- ในบทความนี้ เราจะมาดูเหตุผลเบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงของตลาดนี้กัน
- นอกจากนี้ เราจะพูดถึงวิธีที่นักลงทุนจะปรับสมดุลพอร์ตโฟลิโอของตนให้เหมาะสม
- สมัครใช้งาน InvestingPro เพื่อดูมูลค่ายุติธรรม(Fair Value) ช่วยให้คุณหาหุ้นลงทุนได้ถูกตัวในเทรนด์ขาขึ้นถัดไป
พลวัตของตลาดหุ้นเปลี่ยนแปลงอย่างมากตั้งแต่ต้นไตรมาสที่ 3 ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง 'Magnificent 7' ซึ่งครั้งหนึ่งเคยครองตลาดได้เริ่มทำผลงานแผ่วลง ทำให้ตลาดมีการหมุนเวียนไปยังภาคส่วนอื่นมากขึ้น
แม้ว่ากำไรของ S&P 500 ในช่วงต้นปีนี้จะมาจากหุ้นขนาดใหญ่เหล่านี้เป็นส่วนใหญ่ แต่การชะลอตัวล่าสุดของยักษ์ใหญ่เหล่านี้ไม่ได้ทำให้ตลาดพังทลายอย่างที่บางคนคาดการณ์ไว้
ในทางกลับกัน หุ้นอื่น ๆ ได้เข้ามาเติมเต็มช่องว่างนี้ ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะตกต่ำที่รุนแรงยิ่งขึ้น
การเปลี่ยนแปลงนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการกระจายความเสี่ยงและศักยภาพของภาคส่วนที่ทำผลงานต่ำกว่ามาตรฐานในการฟื้นตัว
หุ้นอื่น ๆ อีก 493 ตัว พร้อมวิ่งแซงหน้าหรือยัง?
นับตั้งแต่ต้นไตรมาสที่ 3 หุ้นอีก 493 ตัวมีผลงานที่ดีกว่าหุ้น Magnificent Seven หากแนวโน้มนี้ยังคงดำเนินต่อไปตลอดทั้งไตรมาส จะเป็นครั้งแรกในรอบประมาณ 2 ปีที่หุ้น Magnificent Seven มีผลงานต่ำกว่าหุ้นตัวอื่น ๆ ในดัชนี
พึ่งระลึกไว้ว่า หลังจากที่หุ้น S&P 500 ร่วงลง 9.7% จากจุดสูงสุดตลอดกาลเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม สู่จุดต่ำสุดเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการร่วงลงของหุ้นเทคโนโลยี ดัชนี S&P 500 ก็ฟื้นตัวขึ้น 9.8% เมื่อปิดตลาดวันพุธ ในการฟื้นตัวครั้งนี้ หุ้นหลายตัวมีผลงานดีกว่าหุ้น Magnificent Seven
นั่นหมายความว่าเราควรละเลยหุ้น Magnificent Seven หรือไม่? ไม่จำเป็นเสมอไป ตัวอย่างเช่น Nvidia (NASDAQ:NVDA) ฟื้นตัวขึ้นเกือบ 42% นับตั้งแต่จุดต่ำสุดเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้บ่งชี้ชัดเจนว่านักลงทุนจำเป็นต้องปรับปรุงกลยุทธ์ของตน การซื้อหุ้นเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะเอาชนะดัชนี S&P 500 ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าได้อีกต่อไป
จนกระทั่งเมื่อไม่นานนี้ การคาดเดาเกี่ยวกับแนวโน้มของปัญญาประดิษฐ์ได้ผลักดันให้ตลาดปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นเหตุผลให้ต้องมุ่งเน้นไปที่หุ้นที่เป็นผู้นำ
แต่เนื่องจากนักลงทุนค่อย ๆ สูญเสียความกระตือรือร้นในปัญญาประดิษฐ์เนื่องจากส่งมอบผลงานได้ช้ากว่าที่คาดไว้ในตอนแรก ทั้งในด้านเทคโนโลยีและการเงิน นักลงทุนจึงหันไปให้ความสนใจกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตแทน
การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลดีต่อหุ้นในวงกว้างขึ้น และกระตุ้นให้บรรดานักวิเคราะห์แนะนำให้ลงทุนในกลุ่มที่มีราคาถูกกว่า เช่น หุ้นที่ให้ผลตอบแทน หุ้นตามวัฏจักร และหุ้นขนาดเล็ก
นี่เป็นหนึ่งในวิธีใหม่อีกทางเลือกที่เข้ามาช่วยคุณเลือกหุ้นลงทุน
การระบุหุ้นที่ดีที่สุดที่จะซื้ออาจกลายเป็นเรื่องท้าทายมากขึ้น นักลงทุนต้องเปิดรับหุ้นที่หลากหลายยิ่งขึ้นในขณะที่ต้องคัดเลือกและพิจารณาข้อมูลทางการเงินของบริษัทอย่างรอบคอบเพื่อค้นพบโอกาสที่ดีที่สุด
ในทางปฏิบัติ หมายความว่าต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์ตลาดมากขึ้นเพื่อค้นหาหุ้นที่มีแนวโน้มจะทำผลงานดีกว่า ซึ่งต้องใช้เวลาและความเชี่ยวชาญ
สำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาเพียงพอ หรือขาดทักษะในการวิเคราะห์ตรงส่วนนี้ AI ของเราให้โซลูชันที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลและข้อมูลย้อนหลังของตลาดหุ้นเพื่อสร้างแบบจำลองที่ทำผลงานเหนือตลาดอย่างต่อเนื่อง
ProPicks ซึ่งเป็น AI ของ InvestingPro ให้รายชื่อหุ้นแบ่งเป็น 6 พอร์ตโฟลิโอ อัพเดททุกเดือน รวมถึงกลยุทธ์ Titans of Tech ที่ทำผลงานระยะยาวเกือบ +1860% จากการทำ back-testing
ที่มา: InvestingPro
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ProPicks AI ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามหลายครั้ง ทำให้สมาชิก InvestingPro โกยกำไรไปได้มากที่ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
หุ้นหลายตัวที่ ProPicks AI แนะนำในช่วงฤดูกาลรายได้นั้นทำผลงานได้ดีกว่าที่คาดไว้มาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังการทำนายของโมเดลของ InvestingPro
นี่คือตัวอย่างบางส่วน:
- Charter Communications (NASDAQ:CHTR): +19.72%* following results
- Eli Lilly and Company (NYSE:LLY): +15.48%* following results
- Expedia (NASDAQ:EXPE): +14.80%* following results
- F5 Networks (NASDAQ:FFIV): +14%* following results
- Pool (NASDAQ:POOL) Corporation: +13.64%* following results
- Molina Healthcare (NYSE:MOH): +12.99%* following results
- PayPal (NASDAQ:PYPL) Holdings: +11.60%* following results
- Enphase Energy (NASDAQ:ENPH): +11.60%* following results
- Frontdoor (NASDAQ:FTDR): +11.50%* following results
- YETI Holdings (NYSE:YETI): +10.60%* following results
(ผลงานที่กล่าวถึงข้างต้นเกิดขึ้นในช่วงสองวันซื้อขายหลังจากการประกาศผลประกอบการ)
เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ของเราได้คัดเลือกหุ้นเหล่านี้ในช่วงสามเดือนย้อนหลัง ซึ่งครอบคลุมถึงฤดูกาลรายได้ไตรมาสที่สอง และในทุกครั้ง ออกมาก่อนเผยแพร่รายงาน
อย่างไรก็ตาม ตลาดมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและมีความไม่แน่นอนมากขึ้น ในขณะที่หุ้นบางตัวอาจยังคงทำผลงานได้ดีเกินคาด หุ้นบางตัวอาจถึงจุดสูงสุดแล้ว
หากคุณเป็นสมาชิก InvestingPro คุณสามารถตรวจสอบได้อย่างง่ายดายว่าหุ้นเหล่านี้เคยอยู่ในรายชื่อในเดือนสิงหาคมหรือไม่ จากนั้นการอัปเดตในช่วงต้นเดือนกันยายนจะยืนยันว่าหุ้นตัวใดมีโอกาสดีที่สุดสำหรับฤดูใบไม้ร่วง
หากคุณยังไม่ได้เป็นสมาชิก InvestingPro ตอนนี้อาจเป็นเวลาที่ต้องถามตัวเองว่าคุณสามารถรับมือกับสถานการณ์ปัจจุบันโดยพลาดโอกาสในการใช้เครื่องมือตัวนี้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
***
Disclaimer:บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมการซื้อสินทรัพย์แต่อย่างใด และไม่ถือเป็นการชักชวน เสนอ แนะนำ หรือเสนอแนะให้ลงทุนแต่อย่างใด การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน