Wait & See / MPC in Focus
• SET: คาด SET Index เปิดตลาดปรับด้วลง ผักด้วหลังจากที่ปรับขึ้นมา แรงก่อนหน้านี้ รวมถึงปรากฏการณ์การขายท่าก๋าไรในตลาดหุ้นโลกช่วงสั้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะนักลงทุนรอดูท่าทีของ Fed นําาโดยนาย Jerome Powell ในการประชุมที่เมือง Jackson Hole ปลายสัปดาห์นี้ ในเชิง กลยุทธ์ หลังจากที่เราแนะนํา Lock profit ไปแล้วเมื่อวานนี้ที่ระดับ ดัชนี SET 1330 จุด มองว่าอาจต้อง Wait & See ไปก่อน ทั้งนี้ เรายังไม่เห็นพัฒนาการเชิงบวกใดๆทางด้านปัจจัย Earnings ในประเทศ ล่าสุด (รูปที่ 1) ส่วนอีกหนึ่งประเด็นที่อาจต้องระมัดระวังมากขึ้น คือปัจจัย การเมืองภายในประเทศ โดยน่าติดตามว่าการสลับตัวและการย้ายพรรค ต่างๆในช่วงนี้ จะทําให้การเจรจาต่อรองเก้าอี้ตาแหน่งรัฐมนตรีต่างๆมีความ วุ่นวายมากขึ้นหรือไม่ หากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่มีความล่าช้า จะเป็นการ เปิด Downside risk ต่อเศรษฐกิจไทยอีกครั้ง
• MPC: สําหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในวันนี้คงหนีไม่พ้นผลการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย ซึ่งมีไฮไลท์ที่น่าติดตาม ดังนี้
1) แม้กนง.จะมีมติคงดอกเบี้ยที่ระดับ 2.50% ต่อไปแน่นอนอยู่แล้ว แต่น่า ติดตามว่าเสียงที่ออกมานั้นจะมีส่วนผสมเหมือนเดิมที่ 6:1 เสียง หรือไม่ หากมีเสียงที่เอนเอียงไปยังการลดดอกเบี้ยมากขึ้น จะถือ เป็นสัญญาณ Dovish
2) ติดตามมุมมองของกนง.ต่อการเคลื่อนไหวผันผวนอย่างรวดเร็วของ ค่าเงินบาทในช่วงหลัง หากมีประโยคที่แสดงถึงความเป็นกังวลมากขึ้น มองเป็นสัญญาณเพิ่มความน่าจะเป็นต่อการลดดอกเบี้ยในช่วง ถัดไป
3) ติดตามมุมมองของกนง.ต่อประเด็นเงินเฟ้อ โดยยังคงมองเช่นเดิม หรือไม่ว่าเงินเฟ้อของไทยจะสามารถกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายได้ ในระดับสูงเช่นเดิมหรือไม่ ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ หากมีการเลื่อนเงื่อนเวลาออกไป มองเป็นสัญญาณ Dovish
4) ติดตามมุมมองของกนง.ว่ายังมีความเป็นห่วงต่อภาวะหนี้ครัวเรือนที่อยู่
5) ติดตามการตอบคําถามสื่อหลังการประชุม ซึ่งคาดว่าจะมีการสอบถาม เกี่ยวกับประเด็น Digital Wallet ว่าหากโครงการนี้ไม่เกิดขึ้น จะมีผล ต่อการตัดสินใจทางนโยบายการเงินของธปท.หรือไม่
• Our take: หากมีสัญญาณ Dovish ออกมาจากการประชุมมากขึ้น ในวันนี้ คาดสินทรัพย์ที่จะมีปฏิกิริยาก่อนเป็นอันดับแรกคือค่าเงิน บาท ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาถือว่ามีการปรับตัวแข็งค่าอย่างรวดเร็ว ส่วนในฝั่งของตัวหุ่นนั้น ประเมินกลุ่ม Bond-liked อย่าง REIT / IFF / Utilities จะได้ประโยชน์สูงสุด
• เรายังคงมีมุมมองว่าธปท.จะสามารถปรับลดดอกเบี้ยนโยบายได้ 0.25% ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ โดยเป็นเพียงกระบวนการ Normalization ของอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงเท่านั้น ซึ่ง ณ ขณะนี้เรามองว่าเริ่มอยู่ในระดับที่ สูงจนเกินไปจนอาจกระทบต่อศักยภาพในการเติบโตของเศรษฐกิจ ทั้งนี้ หากอ้างอิงจากตลาด Swap ล่าสุดจะพบว่า นักลงทุนให้นําหนักความน่าจะ เป็นที่กนง.จะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในช่วง 6 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 60%
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities