🌎 มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับนักลงทุนกว่า 150K คนจาก 35 ประเทศ ที่เลือกหุ้นที่ชนะตลาดที่คัดสรรด้วยเทคโนโลยี AIปลดล็อกเลย

ภายนอกดูดี ภายในเน้น SELECTIVE

เผยแพร่ 17/07/2567 10:18

ปัจจัยภายนอกหนุนสินทรัพย์เสี่ยง ทั้งความคาดหวัง FED ลดดอกเบี้ย เร็วขึ้น ประจวบเหมาะกับล่าสุด IMF แม้คงคาดการณ์ GDP โลกปี 2024 ที่ 3.2% แต่เพิ่ม GDP ปี 2024 ในประเทศกำลังพัฒนา อย่าง จีนเป็น 5% (+0.4%), อินเดีย 7% (+0.2%) รวมถึงไทย 2.9% (+0.2%) หนุนเม็ดเงิน ไหลเข้าตลาดหุ้นกำลังพัฒนา รวมถึงไทยมากขึ้นได้ ขณะที่ประเด็นภายในประเทศมีทั้งลบและบวกสลับกัน เริ่มจากประเด็น กดดันตลาดจาก EA EFFECT และการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวกลาง กรุงฯ (- หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว) แต่มีประเด็นหนุนอื่นๆ ทั้งการเร่งเบิกจ่าย งบประมาณภาครัฐ และยังเดินหน้าคัดเลือก “BEM” ดำเนินโครงการรถไฟ สายสีส้ม 1.4 แสนล้านบาท (+ หุ้น BEM, CK) และการควบรวมบริษัท GULF และ INTUCH เป็น “NEWCO” (+ หุ้น GULF, INTUCH) โดยช่วง สั้นเชื่อเป็นบวกต่อหุ้น GULF มากกว่า เพราะต้นทุนการแปลงเป็น NEWCO จาก GULF ถูกกว่า INTUCH เกือบ 10% (อิงราคาหุ้นวันที่ 16 ก.ค. 67) และสถานะการเงินของ GULF หลังแปลงยังแข็งแกร่งขึ้น ประเมิน SET INDEX วันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1313 – 1330 จุด ส่วนหุ้น TOP PICK เลือก AMATA, BEM และ CK

เศรษฐกิจเอเชียมีแนวโน้มฟื้นตัว หนุนเม็ดเงินไหลเข้า EM เช้านี้ IMF เผยรายงาน WORLD ECONOMIC OUTLOOK ล่าสุด คาดการณ์ เศรษฐกิจโลกปีนี้ +3.2% และปีหน้า +3.3% โดยประเมินปริมาณการค้าโลกมีแนวโน้ม ปรับตัวสูงขึ้น จากแรงหนุนหลักๆ ของการส่งออกแถบเอเชียที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะ สินค้าในกลุ่มเทคโนโลยี พร้อมกันนี้ยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP GROWTH ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ในเอเชีย สำหรับปี 2567-68 อาทิ จีน คาด +5.0% และ +4.5%, อินเดีย คาด +7.0% และ 6.5% เป็นต้น ส่วนบ้านเรา IMF มองเศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโต +2.9% (เดิมคาด 2.7%) และปีหน้าขยายตัว +3.1% (2.9%) ซึ่งจีนและอินเดียถือเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทย โดยมูลค่าการค้าไทยล่าสุด (5M67) ระหว่างไทย-จีน (อันดับ 1) คิดเป็นสัดส่วน 18.6% ขณะที่ ไทย-อินเดีย (อันดับ 11) คิดเป็นสัดส่วน 2.8% หากกิจกรรมเศรษฐกิจขยายตัวเด่น เชื่อว่าจะเป็นแรงส่งให้ ภาคการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ จะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น มองเป็น SENTIMENT เชิงบวกต่อหุ้น AMATA WHA

สำหรับในแง่มุมของการดำเนินนโยบายการเงินของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (DM) มี แนวโน้มที่จะผ่อนคลายเร็วกว่ากลุ่มประเทศกำลังพัฒนา (EM) หลังเงินเฟ้อชะลอตัว ลงในช่วงที่ผ่านมา โดย BLOOMBERG คาดว่าในการประชุมธนาคารกลางต่างๆ รอบเดือน ก.ย. ช่วง 3Q67 จะเห็น FED, ECB, BOE ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ซึ่ง เริ่มมีการผ่อนคลายนโยบายการเงิน น่าจะเป็นอีกหนึ่งแรงหนุนให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่ สินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ EM มากขึ้น มองเป็นบวกต่อการแข็งค่าของ เงินบาทในระยะถัดไป

สรุป ปริมาณการค้าโลกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น จากแรงหนุนของการส่งออกแถบ เอเชียที่แข็งแกร่ง บวกกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ส่งสัญญณผ่อนคลายนโยบาย การเงิน ล้วนเป็นปัจจัยหนุนให้ม็ดเงินไหลมีโอกาสไหลเข้ากลุ่มกำลังพัฒนา ในระยะ ถัดไป

ัจจัยหนุนภายในประเทศมีหลายภาคส่วน ลุ้น SET ฟื้นตัวระยะ ถัดไป ชอบ AMATA BEM CK

วานนี้ ครม. เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอผลการคัดเลือกเอกชนและร่าง สัญญาร่วมลงทุน และเงื่อนไขสำคัญของสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี โดยที่บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เป็นผู้ได้รับการคัดเลือก กระบวนการหลังจากนี้ การรถไฟขนส่งมวลชนแห่ง ประเทศไทย (รฟม.) จะนัดลงนามกับ BEM ในวันที่18 ก.ค.67ซึ่งฝ่ายวิจัยมีความเห็น เชิงบวกต่อประเด็นดังกล่าว เพราะการได้เข้าไปดำเนินการรถไฟฟ้าสายสีส้มของ BEM จะส่งผลบวกอย่างมีนัยสำคัญทั้งในเชิงความต่อเนื่องของรายได้ที่มีสัญญายาว 30 ปี และ SYNERGY ที่เกิดขึ้นจากความประหยัดต่อขนาดในการบริหารรถไฟฟ้าหลาย เส้นทาง รวมถึงการส่งต่อผู้โดยสารให้กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินซึ่งเป็นรถไฟฟ้าเส้นทาง หลักของ BEM ในปัจจุบัน

ขณะที่ปัจจัยหนุนประเด็นถัดมา คือ การเบิกจ่ายงบลงทุนในกระทรวงคมนาคมยังอยู่ใน ระดับต่ำ เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยล่าสุดการเบิกจ่ายไปเพียง 6.0 หมื่นล้านบาท คิดเป็น สัดส่วนเพียง 35% ของวงเงินงบประมาณ ซึ่งปีก่อนหน้าการเบิกจ่ายมีสัดส่วนสูงราว 70-90% ของวงเงินงบประมาณ ซึ่งหลังจากนี้ในเหลือเวลาอีก 1 เดือนครึ่ง(30 ก.ย.67) คาดจะเห็นการเร่งเบิกจ่ายที่มากขึ้นอย่างชัดเจน

ซึ่งหากพิจารณาช่วงก่อนที่จะมีการอนุมัติเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 สัดส่วนการ เบิกจ่ายอยู่ที่ประมาณ 14% ของงบทั้งหมด แต่ข้อมูลล่าสุด เมื่อ 12 ก.ค.67 พบว่ามี การเบิกจ่ายไปแล้ว ราว 39.3% ซึ่งค่อยๆ ขยับขึ้นใกล้สัดส่วนของปี 2566 อย่างเห็นได้ ชัดเจนขึ้น ถือเป็น SENTIMENT เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมา / วัสดุก่อสร้าง / นิคม อาทิ SCC, SCCC TASCO, STEC, CK, AMATA , WHA เป็นต้น ส่วนปัจจัยผันผวนวันนี้ คือ ศาลพิจารณาคำร้องของนายกฯเศรษฐา คาดใช้เวลาไต่ สวนอย่างน้อยอีก 16 วัน เร็วสุด คือ วันที่ 2 ส.ค. 67 ซึ่งต้องติดตามว่าผลลัพธ์จะ ออกมาเช่นไรและจะมีการเปลี่ยนแปลงแนวทางคำตัดสินหรือไม่ สรุป ปัจจัยหนุนภายในประเทศมีหลายภาคส่วน ทั้ง ครม. ไฟเขียวรถไฟฟ้าสายสีส้ม ดี ต่อหุ้น BEM และ CK ส่วนปัจจัยหนุนประเด็นถัดมา คือ การเบิกจ่ายงบลงทุนใน กระทรวงคมนาคมที่คาดเห็นการเร่งตัวขึ้นในช่วง 1 เดือนครึ่งนี้ ซึ่งหากพิจารณาการ อนุมัติเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 ล่าสุดมีการเบิกจ่ายไปราว 39.3% ซึ่งค่อยๆขยับ ขึ้นใกล้สัดส่วนของปี 2566 อย่างเห็นได้ชัดเจนขึ้น ถือเป็น SENTIMENT เชิงบวกต่อ หุ้นกลุ่มรับเหมา / วัสดุก่อสร้าง / นิคม อาทิ SCC, SCCC TASCO, STEC, CK, AMATA , WHA เป็นต้น

กลุ่มท่องเที่ยว ต่อเหตุการณ์เสียชีวิตนักท่องเที่ยวต่างชาติ วานนี้ นสพ. ในประเทศรายงานข่าวการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6 ราย (สัญชาติเวียดนาม 4 และสัญชาติอเมริกัน 2 ราย) ภายในโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ โดยสถานการณ์ปัจจุบันอยู่ระหว่างการสอบสวนของตำรวจ ซึ่งจากการ ตรวจสอบเบื้องต้นสินนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้ว 24 ชั่วโมง และในสถานที่เกิดเหตุไม่มี การชิงทรัพย์ หรือประทุษร้าย แต่อาจเป็นการรับประทานบางอย่างเข้าไป ในมุมมองฝ่ายวิจัยมองลบเชิง SENTIMENT เล็กน้อยต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว (ยกเว้น ERW มีโอกาสได้รับแรงกดดันมากกว่ากลุ่มฯ) ขณะที่เชิงพื้นฐาน จำนวนนักท่องเที่ยว อเมริกันและเวียดนาม เข้าไทยช่วง 5M67 คิดเป็นสัดส่วน 2.9% และ 2.7% ของ นักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย ตามลำดับ ประกอบกับอิงข้อสันนิษฐานเบื้องต้นของ ตำรวจข้างต้น ไม่ได้เป็นเหตุประทุษร้าย จึงประเมินผลกระทบต่อประมาณการ นักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยปี 2567 ตามที่ตลาดมองไว้ราว 35.5 ล้านคน (+26% YOY) จำกัด ด้านการดำเนินงานกลุ่มฯ งวด เม.ย. – มิ.ย. 67 ภาพรวมกลุ่มที่อิงกับท่องเที่ยวไทย (AOT (BK:AOT), CENTEL และ ERW) ชะลอตัว QOQ เพราะยังอยู่ในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว ไทย (+YOY) ส่วน MINT พลิกกลับมามีกำไร เพราะเป็น SEASONALITY ของการ ท่องเที่ยวใน EU (2Q ส่วนใหญ่กำไร MINT สูงสุดของปี) อย่างไรก็ดีกลุ่มท่องเที่ยวไทย ทิศทางกำไรช่วงที่เหลือของปี – 1Q68 ทยอยดีขึ้น ตามปัจจัยฤดูกาล น่าสนใจกว่า MINT ที่แนวโน้มกำไรปกติมีโอกาสผ่านจุดสูงสุดหลังผ่านงบ 2Q67

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ให้คำแนะนำ OUTPERFORM ต่อ AOT(FV@B68 หากรวม ผลจากการเลิก DUTY FREE ขาเข้าเหลือ 65 บาท) คาดหวังการฟื้นตัวของกำไรปกติ ตั้งแต่ ต.ค. 67 – มี.ค. 68 อานิสงค์ของฤดูกาลท่องเที่ยวไทย ส่วนกลุ่มโรงแรม เนื่องจากปัจจุบันยังให้คำแนะนำ NEUTRAL ทั้ง CENTEL(FV@B46), ERW (FV@B5.4 ) และ MINT(FV@B35) แต่มอง CENTEL น่าสนใจสุด จากการเปิดโรงแรม ใหม่ที่มัลดีฟส์ 2 แห่งช่วง 4Q67 หนุนการเติบโตสูงกว่ากลุ่มฯ ประกอบกับงบแสดง ฐานะการเงินแกร่งกว่ากลุ่มฯ ส่วน ERW คาดราคาหุ้นยังมี OVERHANG จากการ ต่อสัญญาโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ (สัดส่วนราว 20% ของรายได้)

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย