ราคาทองคําวันนี้ (7 มิ.ย.) เคลื่อนไหวสลับขึ้นลงอย่างผันผวน โดยมีการปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ด้วยแรงหนุนจากการปรับตัวลงของค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร หลังตลาดแรงงาสหรัฐมีแนวโน้ม ปรับตัวเข้าสู่ภาวะสมดุลมากขึ้น นักลงทุนจึงเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้นต่อคาดการณ์ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะสามารถ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ภายในปีนี้ ขณะที่การเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยของทั้งธนาคารกลางแคนาดา (BOC) และ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์นี้ ประเด็นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางชั้นนําจึงได้รับมุมมองเชิงบวกเพิ่มขึ้น สะท้อนผ่านมาตรวัดมูลค่าพันธบัตรรัฐบาลทั่วโลกของบลูมเบิร์กที่ดีดตัวขึ้น ซึ่งนับเป็นแรงกดดันต่ออัตราผลตอบแทน ของตราสาร ราคาทองคําจึงมีแรงหนุนเพิ่มเติม แต่หลังจากนั้น ราคาทองคําเผชิญกับแรงกดดัน จากการถูกเทขายทํา กําไร ประกอบกับราคาทองคําถูกลดทอนมุมมองเชิงบวก หลังมีรายงานว่า ธนาคารกลางจีน (PBOC) ทําการหยุดซื้อ ทองคําสํารองในเดือนพ.ค. หลังเข้าซื้อต่อเนื่อง 18 เดือนก่อนหน้านั้น ราคาทองคําจึงปรับตัวลงรุนแรงในช่วงบ่าย นักลงทุนยังรอการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สําคัญของสหรัฐ อาทิ การจ้างงานนอกภาคการเกษตร เดือนพ.ค. ในคืนนี้ เวลา 19:30 น. โดยแม้คาดการณ์หลักชี้ว่า จะเพิ่มขึ้นราว 1.82-1.90 แสนราย แต่จากผลสํารวจคาดการณ์ นักเศรษฐศาสตร์ของรอยเตอร์ ระบุถึงช่วงการเพิ่มขึ้นระหว่าง 1.20-2.58 แสนราย ซึ่งหากตัวเลขจริงออกมาสูงกว่า คาดการณ์หลัก มีแนวโน้มที่ราคาทองคําอาจได้รับแรงกดดันเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี แนะนําพิจารณาร่วมกับข้อมูลรายได้ และอัตราการว่างงาน เพื่อประเมินทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้อย่างถี่ถ้วนมากขึ้น อนึ่ง
คําแนะนํา
• รอซื้อ หากราคาปรับตัวลงมาเคลื่อนไหวบริเวณ 2,331 ดอลลาร์ต่อออนซ์
• พร้อมลดการลงทุน หากราคาหลุดแนวรับที่ 2,331 ดอลลาร์ต่อออนซ์
• แบ่งขายทํากําไรบางส่วน หากราคาไม่ผ่านแนวต้านโซน 2,354-2,372 ดอลลาร์ต่อออนซ์
• หากราคาผ่านแนวต้านบริเวณดังกล่าว อาจพิจารณาถือสถานะซื้อต่อไปได้
บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9888 กด 1 หรือเว็บไซต์ ylgbullion.co.th