รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

SET INDEX ยังดูดี 

เผยแพร่ 24/04/2567 09:41

ปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานมีน้ำหนักทางบวก เริ่มจากความคาดหวังว่า FED อาจ ปรับลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ หลังตัวเลข PMI ออกมาต่ำกว่า 50 จุด และ ต่ำกว่า คาด กดดัน BOND YIELD ปรับลดลง และกดให้เงิน USD อ่อนค่า ถือเป็นผลดี ต่อเงินบาทที่กลับมาแข็งค่ในเชิงเปรียบเทียบ ส่วนในประเทศ ครม. อนุมัติใน หลักการโครงการ DIGITAL WALLET ถือเป็นสัญญาณการเดินหน้าโครงการที่ ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และน่าจะทำให้หุ้นในกลุ่มค้าปลีก OUTPERFORM อย่างไรก็ ตามมีประเด็นที่อาจกดดันกลุ่มธนาคาร หลังจากที่ นายกฯ หารือกับ 4 BANK ใหญ่เรื่องการปรับลดดอกเบี้ย แม้จะยังไม่มีท่าทีตอบรับและผลในทางปฎิบัติ ก็ อาจสร้าง SENTIMENT เชิงลบต่อหุ้นกลุ่ม BANK สำหรับผลประกอบการงวด 1Q67 ที่กำลังทยอยประกาศ จากข้อมูลการทำ PREVIEW คาดว่าจะเห็นการ เติบโตของกำไร 51.7% QOQ และ 3% YOY ดีต่อทิศทางของราคาหุ้น

ประเมินว่า SET INDEX ยังมีMOMENTUM ในการเหวี่ยงตัวขึ้น วันนี้ประเมิน กรอบการเคลื่อนไหวช่วง 1352 – 1367 จุด ในเชิงกลยุทธ์ยังเห็นว่าบริเวณนี้ ยัง สามารถทยอยสะสมหุ้นได้TOP PICK เลือก CPALL (BK:CPALL), PTT (BK:PTT) และ TU

ปัจจัยภายนอกดี หนุนหุ้นไทยลุ้นทะลุ 1367 จุด

วานนี้มีรายงานตัวเลข PMI สหรัฐฯประจำเดือน เม.ย.67 ทั้งส่วนของ PMI ภาคการ ผลิตอยู่ที่ 49.9 จุด(ต่ำกว่าคาดที่ระดับ 52.0 จุด) และ PMI ภาคการบริการอยู่ที่ 50.9 จุด (ต่ำกว่าคาดที่ระดับ 52.0 จุด) ซึ่งการที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาต่ำคาด ส่งผลให้นักลงทุนคาดหวังให้ธนาคารกลางอย่าง FED ดำเนินนโยบายทางการเงินแบบ ผ่อนคลายมากขึ้น (DOVISH)ซึ่งกดดันให้ BOND YIELD 10Y สหรัฐฯ วานนี้ -0.18% อยู่ที่ระดับ 4.60% ขณะที่ฝั่งสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นสหรัฐฯก็ปรับตัวขึ้นราว 0.7%-1.6%(หุ้น TECH ปรับขึ้นแรงกว่าหุ้น VALUE จากตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอ คาดหวังเงินเฟ้อชะลอตัว และทำให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทลดลงในอนาคต)

ขณะที่วันพรุ่งนี้จะมีการประกาศตัวเลข GDP 1Q67 ของสหรัฐฯที่ BLOOMBERG คาดว่าอยู่ที่ +2.5%QOQ ซึ่งชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนที่ +3.4%QOQ ซึ่งหาก ผลลัพธ์ออกมาตามคาด ยิ่งตอกย้ำว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯอ่อนแอลง และต้องได้รับแรง กระตุ้นผ่านการดำเนินนโยบายของ FED มากขึ้น ยิ่งเป็นแรงเสริมให้นักลงทุนสนใจ สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นมากยิ่งขึ้น

ึ่งเช้านี้ฝ่ายวิจัยฯ คาดว่า หุ้นไทยจะได้รับ SENTIMENT เชิงบวกจากประเด็นดังกล่าว เช่นเดียวกับตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ที่ปรับขึ้นแรง อาทิ เกาหลีใต้ +1.8% ญี่ปุ่น +2.0% ไต้หวัน +1.8% โดยวันนี้คาดดัชนีหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นได้ และมีแนวต้านรายวันที่ระดับ 1367 จุด

ส่วนกลยุทธ์การลงทุน แบ่งเป็น 3 ธีมหลัก ดังนี้

• หุ้น TECHNOLOGY ในไทย DELTA, KCE, HANA

• หุ้นได้ประโยชน์บาทแข็ง GULF, BGRIM, GPSC

• หุ้นรับวัฎจักรดอกเบี้ยขาลง MTC, SAWAD, TIDLOR, JMT

เศรษฐกิจ US ส่งสัญญาณอ่อนแอ หนุน FED ผ่อนคลาย นโยบายการเงินมากขึ้น

ภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอความร้อนแรง ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณหนุนให้ FED มี โอกาสผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้นในปีนี้ ขณะที่วันพรุ่งนี้ (25 เม.ย. 67) รอ ติดตามการรายงานตัวเลข GDP สหรัฐฯ 1Q67 โดย CONSENSUS คาดว่าการ เติบโตอาจเหลือแค่ 2.5%QOQ ลดลงจากงวดที่แล้วที่โต 3.4% ส่วน FED WATCH TOOL เริ่มขยับ คาดปีนี้ FED จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง (เดิมคาด 1 ครั้ง) หลังดัชนี PMI สหรัฐฯ อ่อนแอต่อเนื่อง

ความคาดหวังวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง บวกกับ BOJ อาจเข้ามาแทรกแซงเพื่อสกัด ค่าเงินเยนร่วงหนัก ล้วนกดดันให้ DOLLAR INDEX เริ่มส่งสัญญาณอ่อนค่าลงมาสู่ 105.48 จุด ซึ่งน่าจะเป็นแรงหนุนให้เงินบาทเริ่มเห็นการแข็งค่ามากขึ้นในระยะถัดไป

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

ภาวะเงินบาทที่พลิกมาแข็ง อาจจูงใจให้ FUND FLOW ไหลเข้าไทยได้ต่อเนื่อง ขณะที่ วานนี้ (23 เม.ย. 67) ต่างชาติซื้อหุ้นไทย 60 ล้านเหรียญฯ หรือ 2.2 พันล้านบาท หนุน เดือนนี้ NET BUY 53 ล้านเหรียญฯ หรือ 1.9 พันล้านบาท

สรุป เศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งสัญญาณอ่อนแอ คาดเป็นปัจจัยหนุน FED ผ่อนคลาย นโยบายการเงินมากขึ้น กดดันให้ DOLLAR INDEX เริ่มส่งสัญญาณอ่อนค่า ซึ่งน่าจะ เป็นแรงหนุนให้พลิกมาแข็งค่ามากขึ้น อาจจูงใจให้ FUND FLOW ไหลเข้าไทยได้ ต่อเนื่อง

ปัจจัยภายใน ก็ยังช่วยผลักให้ SET ทยอยฟื้นได้

ล่าสุดฝ่ายวิจัยฯ ทำการรวบรวมข้อมูล EARNING PREVIEW งวด 1Q67 จาก BLOOMBERG CONSENSUS 101 บริษัท (คิดเป็นสัดส่วน 60% ของ MARKET CAP.) มีกำไรสุทธิรวม 1.69 แสนล้านบาท เติบโต +51.7%QOQ และ +3.0%YOY

ีกทั้งยังเห็นการรายงานกำไร 1Q67 กลุ่ม REAL SECTOR ที่ทยอยออกมา ส่วน ใหญ่จะสูงกว่าที่ตลาดคาด อาทิ AEONTS สูงกว่าตลาดคาด 46%, SCGD 14%, SCGP 17% เป็นต้น

ขณะเดียวกันช่วงที่ SET INDEX ย่อลงมาลึกๆ ก็เห็นบริษัทจดทะเบียนทยอยซื้อหุ้น คืนในสัดส่วนแต่ละเดือนที่สูงขึ้นเรื่อยๆ โดยปีนี้บริษัทจดทะเบียนซื้อหุ้นคืนรวมกันสูง ถึง 5.40 พันล้านบาท (YTD) และเดือน เม.ย. นี้ บริษัทจดทะเบียนซื้อหุ้นคืนสะสมไป แล้ว 1,08 พันล้านบาท (MTD)

สรุปคือ SET INDEX ที่ระดับ 1350 จุด มี VALUATION ที่น่าสะสมหุ้นมาก PE67F 14.7 เท่า (ต่ำกว่า -1SD), มี PBV 1.3 เท่า (ระดับ -2SD) และMEYG กว้างถึง 4.25% แล้วยังมีแรงผลักดันภายในให้ทยอยปรับขึ้นได้จาก กำไรงวด 1Q66 ที่ฟื้นตัวเด่น และ มีแนวโน้มออกมาดีความคาด รวมถึงมีเม็ดเงินการซื้อหุ้นคืนที่เข้ามาสะสมมากขึ้น เรื่อยๆ ช่วยสร้างความเชื่อมั่น และผลักดันอีกแรง

ติดตามประชุมสมาคมธนาคารไทย ... เลือก TTB, KBANK (BK:KBANK), BBL

สืบเนื่องจากการที่สมาคมธนาคารไทย เตรียมพิจารณาแนวทางเพิ่มเติม เพื่อ ช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ลดภาระทางการเงิน ในช่วงเย็นวันที่ 24 เม.ย. 67 ใน มุมมองฝ่ายวิจัย ช่วงวัฎจักรดอกเบี้ยขาขึ้นรอบนี้ (จาก 0.5% ช่วง ส.ค. 65 สู่ระดับ 2.5% ในช่วง 4Q66) กลุ่มฯ ไม่ได้ส่งผ่าน M-RATE ตามการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ กนง. ทุกครั้ง เพื่อบรรเทาผลกระทบให้กับลูกหนี้ ประกอบกับปัจจุบันทาง ธปท. มี มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง ทั้งหลักการให้สินเชื่ออย่างมีความ รับผิดชอบ (RL), โครงการคลีนิคแก้หนี้ จึงมีความเป็นไปได้ที่กลุ่มฯ จะเร่งช่วยเหลือ ลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง ภายใต้มาตรการที่มีอยู่ของ ธปท. โดยลูกหนี้กลุ่มเปราะบางที่ อิงกับ M-RATE (MRR) ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่ม SME และสินเชื่อบ้าน ตามโครงสร้าง สินเชื่อด้านล่าง

ั้งนี้ การช่วยเหลือลูกหนี้ตั้งแต่ปี 2567 ในเชิงของการจัดชั้นลูกหนี้เป็นไปตาม TFRS 9 หลังมาตรการผ่อนผันจัดชั้นลูกหนี้สิ้นสุดลงเมื่อสิ้นปี 2566 ทำให้งบดุลยังคง สะท้อนศักยภาพการชำระหนี้ของลูกหนี้ แตกต่างจากปี 2563 – 66 ที่มีมาตรการ ผ่อนผันจัดชั้นลูกหนี้

สำหรับประมาณการกำไรกลุ่มฯ (8 ธนาคาร) ฝ่ายวิจัยปี 2567 – 68 อยู่บน สมมติฐานโอกาสในการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1 ครั้ง 0.25% ตั้งแต่กลางปี 2567 ซึ่งผลประกอบการงวด 1Q67 ที่คิดเป็นสัดส่วน 27% ของประมาณการกำไร ทั้งปี ประเมินว่ายังดูสอดคล้อง แม้เส้นทางข้างหน้ามีแรงกดดันจากโอกาสในการลด อัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1 ครั้ง และคุณภาพสินทรัพย์กลุ่มฯ ยังไม่เสถียรในทุกกลุ่ม ลูกค้า แต่คาดหวังแรงส่งจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐกระจายลงสู่ระบบในช่วง ที่เหลือของปี ช่วยให้การบริหารจัดการสินเชื่อ NPL เกิดใหม่ (NPL FORMATION) คล่องตัวขึ้น รวมทั้งการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายดำเนินงาน (OPEX) ให้สอดรับกับ รายได้ จึงคงประมาณการกำไรกลุ่มฯ ปี 2567 – 68 (สรุปผลประกอบการ 1Q67 เพิ่มเติมใน INDUSTRY UPDATE กลุ่มฯ วันนี้)

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

ฝ่ายวิจัยประเมินประเด็นข้างต้นเป็น SENTIMENT ลบ ต่อกลุ่มฯ แต่ราคาหุ้นในกลุ่ม ฯ วานนี้มีการย่อตัวลงมาบ้างจากกระแสข่าวดังกล่าว จึงมีโอกาสรับรู้ข่าวไปบ้างแล้ว (ประเด็นด้านอัตราดอกเบี้ยธนาคาร อยู่คู่กับกลุ่มฯ มาตั้งแต่อดีต) โดยมุมมองต่อ กลุ่มฯ ยังคงมองว่ากลุ่มฯ มี VALUATION ไม่แพงจาก PBV ซื้อขายกลุ่มฯ เฉลี่ย 0.8 เท่า พร้อม DIV YIELD เกิน 5% ต่อปี เลือก TTB ที่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นกัน ชนยังคงได้เปรียบกลุ่มฯ ภายใต้ความไม่แน่นอนของปัจจัยมหภาค และ DIV YIELD ราว 6% ต่อปี ตามด้วย KBANK และ BBL คาดหวังประโยชน์จากการเบิกจ่าย งบประมาณภาครัฐมากสุดในกลุ่มฯ และทั้งคู่ซื้อขายบน PBV ไม่แพงที่ 0.5 เท่า และ ประเมิน DIV YIELD ราว 5% ต่อปี โดยรวมแล้วการลงทุนหุ้นในกลุ่มฯ เรียงตาม ความชอบดังนี้ TTB(FV@B1.98) > KBANK (FV@B148) > BBL (FV@B175) > KTB (FV@B19)> TISCO(FV@B106), SCB(FV@B111) จาก HIGH DIVIDEND > KKP (FV@B49)

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย