Economic Highlight
ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ทั้ง อัตราเงินเฟ้อ CPI, ยอดค้าปลีก และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน
**ราคาทองคำ = สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.
FX Highlight
- เงินบาทเคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นมากกว่าที่เราประเมินไว้ หลังเงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง ส่วนราคาทองคำก็ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ท่ามกลางมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เชื่อว่าเฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยได้ในปีนี้
- เรามองว่า การแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมา อาจชะลอลงบ้าง ดังจะเห็นได้จากการรีบาวด์อ่อนค่าลง หลังตลาดรับรู้ยอดการจ้างงานสหรัฐฯ ล่าสุด ทำให้เงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ sideways จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามา
- โซนแนวรับแรกของเงินบาทได้ขยับลงมาแถว 35.30 บาทต่อดอลลาร์ แต่หากเงินบาทสามารถแข็งค่าขึ้นทะลุโซนดังกล่าว ก็อาจเห็นการแข็งค่าทดสอบโซน 35.00 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญถัดไป
- ทั้งนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทอาจไม่ได้ง่ายนัก เพราะเงินดอลลาร์สามารถกลับมาแข็งค่าขึ้นเร็วและแรงได้ หากอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ชะลอลงน้อยกว่าคาด หรือ กลับมาเร่งตัวขึ้น ส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ ก็ออกมาดีกว่าคาด
- นอกจากนี้ หากตลาดพลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ก็อาจหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นได้เช่นกัน
- และนอกจากทิศทางเงินดอลลาร์ เรามองว่า ควรระวังความผันผวนของราคาทองคำ หลังราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง (มากกว่าที่เราประเมินไว้) และเริ่มเข้าสู่โซน Overbought ทำให้ราคาทองคำเสี่ยงเผชิญแรงขายเพิ่มขึ้น หากมีปัจจัยเข้ามากดดัน
- อย่างไรก็ดี แม้เงินบาทมีความเสี่ยงผันผวนอ่อนค่าลงบ้าง แต่เรามองว่า การอ่อนค่าก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด โดยต้องจับตาโซนแนวต้านแรก แถว 35.60 บาทต่อดอลลาร์ และ โซน 35.80 บาทต่อดอลลาร์ เป็นแนวต้านถัดไป
- ควรจับตาทิศทางของสกุลเงินฝั่งเอเชีย ทั้งเงินหยวนจีน (CNY) และเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา มีการเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกับเงินบาทพอสมควร โดยเฉพาะเงินเยนญี่ปุ่นที่แข็งค่าขึ้นเร็วและแรง จากความหวังของผู้เล่นในตลาดต่อการทยอยใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
- สำหรับ ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ เรามองว่า นักลงทุนต่างชาติอาจเริ่มทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ของตลาดหุ้นไทยได้บ้าง หลังดัชนี SET ได้รีบาวด์ขึ้นพอสมควร พร้อมกับการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินบาท
- ส่วนฟันด์โฟลว์ในฝั่งบอนด์นั้น เราประเมินว่า การปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ไทยในช่วงที่ผ่านมา พร้อมกับการแข็งค่าขึ้นบ้างของเงินบาท อาจเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติทยอยขายบอนด์ไทยเพิ่มเติม
- ในเชิงเทคนิคัล สัญญาณจากทั้ง RSI และ MACD (Time Frame รายวัน) ยังคงชี้ว่า เงินบาทอาจทยอยแข็งค่าขึ้น หรือ อย่างน้อยก็แกว่งตัว sideways
- ส่วนของ Time Frame ที่สั้นลง เช่น H4 และ H1 สัญญาณจากทั้ง RSI และ MACD ต่างชี้ว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว sideways และมีโอกาสผันผวนอ่อนค่าจากโซนแนวรับ 35.30 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับถัดไป 35.00 บาทต่อดอลลาร์) และเงินบาทจะอ่อนค่าลงต่อเนื่องได้ หากสามารถอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้านแรก 35.60-35.70 บาทต่อดอลลาร์
Gold Highlight
- ราคาทองคำยังคงได้แรงหนุนจากแรงซื้อของผู้เล่นในตลาดหลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ นอกจากนี้ การปรับตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ตามความคาดหวังของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงเชื่อว่าเฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยได้ในปีนี้อย่างน้อย 3 ครั้ง ก็ยิ่งช่วยหนุนการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ
- แม้ว่า ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้น “มากกว่าที่เราประเมินไว้พอสมควร” แต่เรามองว่า ปัจจัยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อ ก็เริ่มลดลงบ้าง ทำให้มีความเสี่ยงที่ผู้เล่นในตลาดจะทยอยขายทำกำไรทองคำเพิ่มเติม
- โดยปัจจัยที่จะกลับมากดดันให้ราคาทองคำผันผวนลดลงได้ คือ การปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายเฟด ซึ่งต้องรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง อัตราเงินเฟ้อ CPI ล่าสุด
- ในเชิงเทคนิคัล สัญญาณจาก RSI และ MACD (Time Frame รายวัน) ชี้ว่า ราคาทองคำเริ่มเสี่ยงที่จะปรับตัวลดลง หลัง RSI เข้าสู่โซน Overbought อีกทั้ง Risk-Reward ของผู้เล่นฝั่ง Long อาจคุ้มค่าพอสมควร ทำให้ผู้เล่นในตลาดอาจทยอยลดสถานะ Long ได้บ้าง ส่วนสัญญาณจาก Time Frame ที่สั้นลง อย่าง H4 และ H1 ก็สะท้อนถึงความเสี่ยงที่ราคาทองคำจะปรับตัวลดลงมากขึ้น จากสัญญาณ Bearish Divergence บน RSI ทำให้เราประเมินแนวต้านของราคาทองคำในโซน 2,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และมีโซน 2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นแนวรับในช่วงนี้