เมื่อวันศุกร์ที่ 9 ก.พ.67 ตลาดหุ้น 9 ประเทศในภูมิภาคหยุดทำการเนื่องในวัน เทศกาลตรุษจีน ทำให้มูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นบ้านเราเหลือเพียง 2.9 หมื่น ล้านบาท ส่วนวันนี้ยังมี 13 ตลาดหุ้นที่หยุดทำการต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะทำให้มูลค่า การซื้อขายบ้านเราบางๆ ต่อเนื่อง ส่วนปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐาน น้ำหนักยังเท ไปที่สัญญาณการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของบ้านเรา โดยหากนับจากต้นปี 2567 ถึงปัจจุบันพบว่า Bond Yield ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เฉพาะอย่างยิ่งหลัง การประชุม กนง. โดยปัจจุบัน Bond Yield 10 ปีอยู่ที่2.56% เทียบกับ 2.73% เมื่อช่วงต้นปี ถือเป็นระดับที่เข้าใกล้ดอกเบี้ยนโยบาย ส่วน Bond Yield ของ พันธบัตรอายุต่ำกว่า 5 ปีลงมา ลงไปต่ำกว่าดอกเบี้ยนโยบาย ถือเป็นสัญญาณ ความเชื่อของตลาดการเงินที่คิดว่าดอกเบี้ยกำลังจะปรับตัวลดลง หากปรับ ลดลงในช่วงกลางปีพร้อมกับมีDigital Wallet ก็น่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
ตลาดหลายประเทศในภูมิภาคยังคงหยุดทำการในวันนี้ ซึ่งน่าจะทำให้ปริมาณ การซื้อขายเบาบาง ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index ที่ 1385 – 1396 จุดหุ้น Top Pickเลือก AOT (BK:AOT), AP และ CPALL (BK:CPALL)
ท่ามกลางความตึงเครียดตะวันออกกลาง หนุนน้ำมันดิบปรับตัว ขึ้นต่อช่วงสั้น
วันศุกร์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบ Brent/WTI ปรับตัวขึ้น 0.69% และ 0.81% ตามลำดับ หลังความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ในฝั่งของตะวันออกกลางยังคงตึงเครียด ทั้ง นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ได้ปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิงของกลุ่มฮามาส อีกทั้งสหรัฐฯ และอังกฤษ ได้ปฏิบัติการทางอากาศเข้าโจมตี 6 จังหวัดทางตอนเหนือของเยเมน เพื่อ ตอบโตกลุ่มกบฏฮูตี นอกจากนี้กระทรวงพลังงานสหรัฐฯได้ปรับลดคาดการณ์การ ผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯในปี 2567 ลงจากเดิมที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.9 แสนบาร์เรล/ วัน ลงมาอยู่เพียง 1.7 แสนบาร์เรล/วัน ด้วยประเด็นดังกล่าวทำให้ Supply น้ำมันดิบ มีโอกาสชะลอตัวลงในอนาคต
ขณะที่ฝั่ง Demand น้ำมันดิบยังทรงตัวในขาขึ้น หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีภาคบริการ ในเดือน ม.ค. ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 53.4 จาก 50.5 ในเดือน ธ.ค. และสูงกว่าที่คาดไว้ ที่ระดับ 52.0 ส่งผลให้ Fed มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2567 ล่าช้ากว่าที่ คาดการณ์ไว้ ดังนั้น ราคาน้ำมันดิบที่มีโอกาสทรงตัวในระดับสูง สอดรับ Demand และ supply ตามเหตุปัจจัยข้างต้น จึงคาดสร้าง Sentiment เชิงบวกเล็กน้อยต่อ SET index ในวันนี้ และหนุนหุ้นกลุ่มโรงกลั่นอย่าง PTT (BK:PTT) PTTEP TOP SPRC ให้ outperform SET index ได้
สรุป ปัจจัยภายนอกที่ล้วนแต่หนุนให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นต่อ คาดหนุนให้ SET index วันนี้แกว่งทรงตัวในขาขึ้นได้ โดยคาดกรอบการเคลื่อนไหวไว้ที่ระดับ 1385 - 1396 จุด
หาหุ้นรับ Theme จุดเริ่มวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง + คาดหวัง นโยบายการคลังเข้มข้นขึ้นในบ้านเรา
ภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลงในช่วงปลายปี 2567 หนุนให้นโยบายการเงินมี แนวโน้มผ่อนคลายลง ซึ่งสัญญาณวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงในบ้านเรา นับวันยิ่งชัดเจน มากขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนจากมุมมองของตลาดการเงินผ่าน Bond Yieldไทยที่มีแนวโน้ม ลดลงต่อเนื่อง โดย Bond Yield ระยะสั้นอายุ 1 เดือน –5 ปี ของไทยล่าสุดร่วงต่ำกว่า ดอกเบี้ยนโยบายทั้งหมดแล้ว
ขณะที่ Bond Yield ระยะยาวอายุ 10 ปี ของไทย ขยับตัวลงมาเรื่อยๆ
• ปีใหม่ (02/01/67) Bond Yield 10 ปี ของไทยอยู่ที่2.73%
• ก่อนกนง. (06/02/67) Bond Yield 10 ปี ของไทยอยู่ที่2.64% (-9bps.)
• ปัจจุบัน (09/02/67) Bond Yield 10 ปี ของไทยอยู่ที่2.57% (-16bps.)
ทำให้ผลต่าง Bond Yield 10 ปี – Policy Rate ของไทย ล่าสุดอยู่ที่ +0.07% ซึ่งแทบ จะเป็นศูนย์ สะท้อนได้ว่าตลาดการเงินมองดอกเบี้ยขาลงใกล้เริ่มต้น นอกจากนี้ ทิศทางดอกเบี้ยโลกในปีนี้ยังมีแนวโน้มเป็นขาลงด้วยเช่นกัน หลังเงินเฟ้อหลาย ประเทศชะลอตัวลงสู่กรอบเป้าหมาย โดยในวันที่ 13 ก.พ. นี้ รอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ สหรัฐฯ ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยฯ ได้รวบรวมกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง
ในส่วนของนโยบายการคลัง คาดว่ารัฐบาลจะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยเฉพาะใน ภาค Consumption เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปได้ โดยวันที่ 15 ก.พ. 67 รอ ติดตามความคืบหน้ารายละเอียดของโครงการ Digital Wallet ซึ่งจะมีการประชุม บอร์ดเงินดิจิทัลชุดใหญ่ ขณะที่ในมุมของฝ่ายวิจัยฯ มองว่าหากมีนโยบายกระตุ้น ที่มากพอ คาดสร้างความต่อเนื่องในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากช่วงต้นปีมี มาตรการ Easy E-Receipt ก็น่าจะเป็นผลดีต่อหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรม ที่เกี่ยวข้อง เช่น
• กลุ่มท่องเที่ยว : CENTEL, ERW, MINT
• กลุ่มอุปโภค/บริโภค : CPN, CPAXT, HMPRO, ADVANC, COM7, CRC
CPALL, BJC, CBG, OSP, JMART, COM7, DCC, M, AU, SCGP
• กลุ่มคาดหวังเศรษฐกิจฟื้น : KBANK (BK:KBANK), BBL, TISCO, TIDLOR, MTC,
SAWAD, KTC, AEONTS, BAM
สรุป ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยที่ส่งสัญญาณชะลอตัวลงในช่วงปลายปี 2566 และ อาจลากยาวมาถึงปีนี้ มีโอกาสเป็นแรงหนุนให้ กนง. ดำเนินโยบายการเงินผ่อนคลาย มากขึ้น ขณะที่สัญญาณวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงในบ้านเราชัดเจนมกขึ้นเรื่อยๆ จาก Bond Yield ที่ขยับตัวลง อีกทั้งอาจหนุนให้รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการ คลังเพิ่มเติม
SET ซึม!!! คาดมูลค่าซื้อขายเบาบางต่อในสัปดาห์นี้
วันศุกรที่ผ่านมา เข้าสู่ช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งตลาดหุ้นทั่วโลกโดเฉพาะในฝั่งเอเชีย หยุดทำการไปถึง 9 ประเทศ ส่งผลให้ SET Index ทรงๆ ตัว -0.23 จุด อยู่ที่ 1388.37 จุด พร้อมกับมูลค่าซื้อขายที่เบาบางมาก 2.9 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่ามูลค่าซื้อขาย เฉลี่ยตลอด 1 ปีที่ผ่านมาที่ 4.8 หมื่นล้านบาท และต่ำสุดเป็นอันดับ 2 ในรอบ 1 ปี รอง จากวันคริสต์มาส 2567 ที่มีมูลค่าซื้อขาย 2.1 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้หากดูผลตอบแทนเป็นราย Sector พบว่า มีการแกว่งตัวในกรอบแคบมาก ± ไม่ถึง 1% ยกเว้นกลุ่มท่องเที่ยวที่ปรับตัวลงมากกว่า -1% ซึ่งถูกกดดันหลังจากหุ้น MINT มีการรายงานผลประกอบการงวด 4Q66
ส่วนในสัปดาห์นี้ยังอยู่ในช่วงเทศกาลตรุษจีนอยู่ โดยเฉพาะวันนี้ (12/02/67) มีตลาด หุ้นโลกหยุดทำการถึง 13 ประเทศ มากกว่าวันศุกร์ที่ผ่านมา (09/02/67) มี 9 ประเทศ น่าจะส่งผลให้มูลค่าซื้อขายตลาดหุ้นไทยในวันนี้เบาบางเช่นกัน และยังน่าจะยังต่ำกว่า ค่าเฉลี่ยที่ 4.8 หมื่นล้านบาท ตลอดสัปดาห์ที่อยู่ในช่วงเทศกาลตรุษจีน
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities