China not taking a risk / Refinery
• SET: ตลาดหุ้นไทยถูกกดดันหนักวานนี้ โดยมีปัจจัยลบทั้งจากการปรับ มุมมองของนักลงทุนในตลาดต่อแนวทางการดําเนินนโยบายการเงินของ Fed รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ออกมาต่ำกว่าคาด ไม่ว่าจะเป็นการเติบโต ของ GDP ไตรมาส 4/66 ที่ทําได้เพียง 5.2% YoY หรือยอดค้าปลีกเดือน ธันวาคมที่ขยายตัวเพียง 7.4% เทียบกับตลาดคาดที่ 8.0% บ่งชี้ถึง อุปสงค์ภายในของจีนที่ยังอ่อนแอ เมื่อมาประกอบกับถ้อยแถลงของ นายกฯหลี่ เฉียงของจีนที่ออกมาลดทอนความคาดหวังโครงการกระตุ้น เศรษฐกิจขนานใหญ่ (Big stimulus) ในปี 2024 เนื่องจากไม่ต้องการแลก กับความเสี่ยงเสถียรภาพระยะยาว ทําให้ตลาดหุ้นจีนรวมถึงฮ่องกงวานนี้ ปรับตัวลงท่าจุดต่ำสุดใหม่ด้วย ส่งผลให้หุ้นไทยที่มีความเกี่ยวข้องกับจีน ใน เช่นกลุ่ม PKG, PETRO อาจปรับตัว Underperform ในระยะสั้นได้ ล่าสุดเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าขึ้นมาทดสอบระดับ 35.5 บาท/ดอลลาร์ สร้างโมเมนตัมเชิงลบต่อ Fund flow ซึ่งเมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติ เดินหน้าขายสุทธิทั้ง 3 ตลาดอย่างมีนัยสําคัญ
• ในเชิงกลยุทธ์ มองว่าหลังจาก SET หลุดระดับ 1400 จุดลงมาแล้ว ตามคาด นักลงทุนสามารถใช้จังหวะนี้ในการทยอยเข้าสะสมหุ้นไทย ได้อีกครั้ง หลังจากที่เราแนะนํา Wait & See มาก่อนหน้านี้ กลุ่มที่เรา ชื่นชอบยังคงแนะนําโฟกัสไปที่กลุ่มที่อิงกับการบริโภคภายในเป็นสําคัญ จากมาตรการกระตุ้นการบริโภคที่เกิดขึ้น ภาระค่าครองชีพที่ลดลง และ Valuation ที่อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งได้แก่ กลุ่มค้าปลีก โดยสําหรับผู้ที่รับ ความเสี่ยงได้ในระดับต่ำ อาจโฟกัสไปที่กลุ่ม Staple อย่าง CPALL (BK:CPALL), CPAXT, BJC แต่หากเป็นผู้รับความเสี่ยงได้สูง อาจโฟกัสไปที่กลุ่ม Discretionary ที่ลงมาแรงอย่าง COM7, CRC, HMPRO ก็ถือเป็นอีก ทางเลือกหนึ่ง
• Refinery: เรายังคงชื่นชอบหุ้นกลุ่มโรงกลั่นในจากปัจจัยเรื่องของ Crude premium ที่ลดลงในช่วงหลัง ซึ่งน่าจะทําให้ GRM ยังคงทรงตัวได้หรือมี โอกาสปรับขึ้นต่อเล็กน้อย อย่างไรก็ดี หากดูเป็นรายตัวจะเห็นว่าราคาหุ้น บางบริษัทเช่น TOP ได้ขึ้นมาใกล้ชนเป้าหมายของเราที่ 55 บาทแล้ว ทําให้ Upside เหลือค่อนข้างจํากัด เราจึงแนะนํา ‘Switch' ไปยังหุ้นโรง กลั่นอื่นที่มีลักษณะ Pure refinery และไม่มี Exposure ต่อธุรกิจปิโตรเคมี ซึ่งกําลังถูกผลกระทบเชิงลบด้าน Sentiment จากแนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่ อ่อนแอ อย่างเช่น SPRC น่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีกว่า มองราคาหุ้น SPRC ที่ Laggard กลุ่มในช่วงที่ผ่านมาสะท้อนผลการดําเนินงานที่จะออกมา อ่อนแอจากการปิดซ่อมบํารุงในช่วง 4Q23 ไปแล้ว ราคาปัจจุบันมี Upside จาก Consensus TP ที่ 10.4 บาทอยู่ถึง 30%
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities