แม้ตัวเลข GDP GROWTH งวด 3Q66 บ้านเราจะออกมาที่ 1.5% YOY แต่เราก็ มองว่าน่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปี และน่าจะเห็นการฟื้นตัวในงวด 4Q66 โดยวันนี้จะ มีการประกาศตัวเลขการนำเข้า ส่งออก เดือน ต.ค. ซึ่งน่าจะเริ่มเห็นสัญญาณ บวก ขณะที่แนวโน้ม GDP GROWTH ในปี 2567 คาดว่าดต 3.2 – 3.7% (ไม่มี DIGITAL WALLET) สถานการณ์ดังกล่าวยังยืนยันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ส่วนของตลาดหุ้นเราคาดการณ์ว่า EPS GROWTH ปี 2567 น่าจะอยู่ที่ 12.6% ซึ่งถือเป็นการเติบโตแบบ DOUBLE DIGIT ครั้งแรกในรอบหลายปี หากพิจารณา ในเชิงปัจจัยพื้นฐานแล้วถือได้ว่าเป็นแรงหนุนที่ดีต่อตลาดหุ้นบ้านเรา แต่อย่างไรก็ ตาม การที่เรายังอยู่ในภาวะที่มี TURNOVER ในการซื้อขายต่ำเมื่อเทียบกับ ขนาด MARKET CAP ที่ใหญ่กว่า 17 ล้านล้านบาท เป็นเหตุสำคัญที่ทำให้SET INDEX ไม่สามารถขยับตัวขึ้นไปได้ สิ่งที่รออยู่ก็คือ ความเชื่อมั่น และ ปริมาณการ ซั้อขายที่สูงขึ้น
ปัจจัยพื้นฐานที่มีพัฒนาการเชิงบวกช่วยจำกัด DOWNSIDE แต่การปรับตัวขึ้น ต้องอาศัยปริมาณการซิ้อขายที่มากพอ ซึ่งจะมากับความเชื่อมั่น คาด SET INDEX อยู่ในกรอบ 1388 –1405 จุด หุ้น TOP PICK เลือก CRC, TU และ SIRI
คาดส่งออกไทยเดือนต.ค. ดีหนุน GDP ไทยดีต่อ
เช้านี้ เวลา 10.00 น. มีรายงานตัวเลขการภาคการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือน ต.ค. โดย CONSENSUS คาดการส่งออไทยจะขยายตัวต่อเนื่องที่ +9%YOY โดย กลุ่มสินค้าที่คาดว่าจะส่งออกได้ดี อาทิ สินค้าเกษตร ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ขณะที่การนำเข้าไทยจะอยู่ที่ +6%YOY ตามการทยอยฟื้นตัวของภาคการค้าโลก
นอกจากนี้ยอดการนำเข้าของจีนที่ปรับตัวดีขึ้น เชื่อว่าจะเป็นแรงส่งมายังภาคส่งออก บ้านเราด้วยเช่นกัน เป็นเพราะจีนเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับ 1 ของไทย ซึ่งมี สัดส่วนราว 18% ของมูลค่าการค้าทั้งหมดในปี 2565 ขณะที่ภาคส่งออกไทยมักขยับ ไปในทิศทางเดียวกับภาคการนำเข้าของจีนเนื่องด้วยมีค่า CORRELATION สูงถึง 0.71
การส่งออกไทยที่มีแนวโน้มดีขึ้น เชื่อว่าจะเป็นแรงหนุนให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยใน 2H66 ขยายตัวได้ดีกว่า 1H66 รวมถึงเป็นแรงส่งให้ GDP GROWTH ของไทยในปี 2567 สามารถขยายตัวได้อย่างน้อย 3.2-3.7%
สรุป ภาคการค้าไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องตามภาคการค้าโลก รวมถึง เศรษฐกิจจีนค่อยๆ ทยอยฟื้นตัว โดยเช้านี้ เวลา 10.00 น. รอติดตามการรายงาน ตัวเลขนำเข้า-ส่งออกไทย เดือน ต.ค. ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวได้ดี ฝ่ายวิจัยฯ แนะนำหุ้น รับกระแสส่งออกไทยโตเด่น อาทิ TU CBG SCGP HANA KCE STGT NER PTTGC ฯลฯ
ดอลลาร์อยู่ในทิศทางอ่อนค่า ส่วน SET INDEX อยู่ในช่วง SELECTIVE และคาดหวังค่อยๆ ทยอยฟื้น
ภายในช่วงเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่ามาแล้วกว่า 3% และยัง มีปัจจัยกดดันให้อ่อนค่าต่อได้
อย่างการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานของญี่ปุ่นในเดือน ต.ค. 66 ออกมา 2.9%YOY และสูงกว่าเป้าหมาย BOJ ตั้งไว้ที่ 2% ติดต่อกัน 19 เดือน ทำให้นักลงทุน กังวลว่า BOJ อาจยกเลิกนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษในไม่ช้านี้ได้ กดดันให้ค่าเงินเยนพลิกกลับมาแข็งค่า อีกทั้งยังมีสัดส่วนในตะกร้าดอลลาร์อยู่ถึง 13.6% (สูงเป็นอันดับ 2 รองจากยูโรที่มีสัดส่วน 53.6%) กดดันให้ค่าเงินดอลลาร์ อ่อนค่า พร้อมกับค่าเงินบาทมีแนวโน้มพลิกกลับมาแข็งค่าได้บ้าง หนุนให้ FUND FLOW บางส่วนมีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นไทยได้
กลับมาที่ตลาดหุ้นไทยภายใต้มูลค่าซื้อขายเบาบาง เหลือเพียง 3 หมื่นกว่าล้านบาท ต่อวันในสัปดาห์ที่ผ่านมา กดดันให้ SET INDEX ผันผวนลดลง 1.3% (1 WEEK) เป็น การถูกกดดันจาก 3 SECTOR หลักๆ คือ TRANS -6.9% (ครึ่งหนึ่งของการปรับลง ของ SET เดิดจากกลุ่มนี้) , INSUR -3.6%, COMM -2.5% แต่ยังพอมี SECTOR ที่ OUTPERFORM ส่วนใหญ่เป็นหุ้นกลุ่มส่งออก PERSON 3.2%, AGRI 2.3%, PKG 1.0%, STEEL 0.8% เป็นต้น และหุ้นกลุ่มคาดหวังดอกเบี้ยขาขึ้นจบรอบ อย่าง PROP 0.5% และ FIN 0.3%
กลยุทธ์ช่วงรอความเชื่อมั่น หนุน FUND FLOW และสภาพคล่องกลับมา แนะนำ SELECTIVE ในกลุ่มหุ้นที่ยังมี MOMENTUM ขยับขึ้นต่อ และมีปัจจัยสนับสนุนใน สัปดาห์นี้ อย่าง กลุ่มส่งออก (ตัวเลขส่งออกมีทิศทางที่ดีขึ้น) TU, CPF, STGT, HANA, กลุ่มดอกเบี้ยขาขึ้นจบรอบ TISCO, TIDLOR, SAWAD, MTC, กลุ่มค้าปลีก (คาดหวังนโยบาย E-REFUND) CPALL (BK:CPALL), CRC, HMPRO
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities