🟢 ตอนนี้ตลาดกำลังทะยานขึ้น สมาชิกผู้ใช้บริการของเรากว่า 120K คน ต่างรู้ดีว่าควรทำอย่างไร คุณก็สามารถรู้ได้เช่นกันรับส่วนลด 40%

VOLUME เงียบๆ แต่ SET INDEX อาจผันผวน 

เผยแพร่ 24/11/2566 10:52
SETI
-

ตลาดการเงินในต่างประเทศที่ปิดเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า น่าจะมีผลทำให้ ตลาดหุ้นบ้านเราวันนี้ขาดปัจจัยชี้นำไปบางส่วน และหากพิจารณาจากปัจจัย แวดล้อมทางพื้นฐานอื่นๆ ก็ยังไม่พบปัจจัยที่มีน้ำหนักอย่างมีนัยสำคัญ เริ่มจาก ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ที่นิ่งมากขึ้นโดยวันนี้จะเป็นวันเริ่มต้นของการหยุดยิ่ง ระหว่าง อิสราเอล-ฮามาส ส่วนปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจมีมาตรการกระตุ้น DEMAND อสังหาริมทรัพย์ในจีน ผ่านการลดระดับเงินดาวน์ (ถ้าเป็นบ้านเราก็ คล้ายๆ กับการเพิ่ม LTV) ซึ่งน่าจะถูกตีความในเชิงบวกอ่อนๆ สำหรับในบ้านเรา ติดตามการเคาะราคาค่าไฟฟ้าในงวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 67 อีกเรื่องที่เกี่ยวข้อง กับตลาดหุ้นโดยตรง คือ โครงสร้างการซื้อขายที่ถูกพูดถึงกันมากขึ้น โดยเน้นไป ที่บทบาทของ PROGRAM TRADE และ การทำ SHORT SELLซึ่งดูเหมือนว่ายัง เป็นปัจจัยที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุน

ภาพรวมของตลาด วันนี้น่าจะดูเงียบๆ โดยมูลค่าการซิ้อขายน่าจะเบาบาง ต่อเนื่อง แต่ภาวะดังกล่าวอาจทำให้ SET INDEX ผันผวนได้ คาดกรอบการ เคลื่อนไหว 1395 –1415 จุด หุ้น TOP PICK เลือก BEM, BH และ WHA

รัฐบาลจีนเร่งฟื้นภาคสังหา หวัง DEMAND จะกลับมามากขึ้น

ปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์จีนที่ซบเซา เป็นปัจจัยที่กดดันให้หลายภาคส่วนชะลอตัว ลงตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการจ้างงาน การบริโภค การลงทุน ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ยัง เห็นความพยายามของรัฐบาลจีนออกมาตรการช่วยฟื้นตลาดอสังหาฯ ต่อเนื่อง เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจประเทศ โดยล่าสุดมีทั้ง

• การลดข้อกำหนดการจ่ายเงินดาวน์สำหรับผู้ซื้อบ้านหลังที่ 2ในเซินเจิ้น เพื่อ กระตุ้นยอดขายบ้าน

• การเปิดโอกาสให้บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 50 รายที่มีคุณสมบัติ เหมาะสม สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากธนาคารพาณิชย์ของจีนได้อย่าง รวดเร็ว ซึ่งกระบวกการในขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างรายชื่อบริษัทฯ และคาด ว่าจะมีการเปิดเผยในอีกไม่กี่วันนี้

• การเปิดโอกาสให้บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มียังไม่เคยกู้ยืมเงิน พร้อม กับมีคุณสมบัติเหมาะสม สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากธนาคารพาณิชย์ ของจีนได้โดยไม่จำเป็นต้องมีหลักประกัน

ตลาดอสังหาฯ ในจีนที่กลับมาฟื้นตัว เชื่อว่าจะช่วยหนุนให้ภาคการบริโภคกลับมา คึกคัก ขณะที่ความคาดหวังเศรษฐกิจจีนที่ค่อยๆ ดีขึ้น อาจหนุนให้ธีม CHINA PLAY กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง โดยฝ่ายวิจัยฯ ได้รวบรวมกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จาก เศรษฐกิจจีนฟื้นตัว

สรุป รัฐบาลจีนเร่งฟื้นความเชื่อมั่นภาคอสังหาฯ ผ่านการออกมาตรต่างๆ อย่าง ต่อเนื่อง ทั้งการอัดเงินเพิ่มสภาพคล่องในระบบโดยให้เงินทุนฟื้นฟูกิจการ ลด ข้อกำหนดการจ่ายเงินดาวน์เพื่อกระตุ้นยอดขายบ้าน ทั้งนี้ วิกฤตภาคอสังหาจีนที่ ผ่อนคลาย มักจะมาพร้อมกับความหวังในการกลับมาของ CONSUMPTION และ การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก สำหรับหุ้นเด่นรับกระแสเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว อาทิ SCGP, IVL, PTTGC, III, ERW

มูลค่าซื้อขายเบาบาง + SHORT SELL ทำให้ตลาดผันผวนช่วง สั้น แต่ภาพรวม VALUATION ยังดูน่าสนใจเข้าสะสมหุ้น

วานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง 9.02 จุด มาอยู่ที่ 1405 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายเบาบาง เหลือเพียง 3.7 หมื่นล้านบาท และถ้ามูลค่าซื้อขายของ AOT (BK:AOT) ที่ 1.16 หมื่นล้านบาท ออก จะเหลือมูลค่าซื้อขายในหุ้นตัวอื่นๆ เพียง 2.5 หมื่นล้านบาท ต่ำค่าเฉลี่ยซื้อในปีนี้ ที่ 5.2 หมื่นล้านบาทต่อวัน เกินกว่าครึ่งหนึ่ง อีกทั้งตลาดหุ้นไทย และหุ้น AOT วานนี้ ยังเป็นการซื้อขายผ่าน PROGRAM TRADING สัดส่วนถึง 40%

มูลค่าซื้อขายตลาดที่เบาบาง บวกกับเดือน พ.ย. นี้ ยังมีสัดส่วนในการ SHORT SELL อยู่ในระดับสูงถึง 10% (MTD) ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมด

ที่สำคัญฝ่ายวิจัยฯ สังเกตเห็นว่า ในเดือน พ.ย. นี้ หุ้นส่วนใหญ่ที่ถูกนำมาทำ SHORT SELL เกิดขึ้นจากหุ้นที่ถือผ่าน NVDR ถึง 3.27 หมื่นล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วน 44% ของมูลค่าซื้อขายรวม) และเป็นการ SHORT SELL ผ่านหุ้นปกติ 4.17 หมื่นล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วน 56% ของมูลค่าซื้อขายรวม)

มูลค่าการ SHORT SELL NVDR กว่า 44% ของมูลค่าซื้อขายถือว่าผิดปกติ เมื่อ เทียบกับสัดส่วนการถือครองหุ้นทั้งหมดผ่าน NVDR เพียง 5.6% เท่านั้น ส่วน ต่างชาติถือครองทางตรงราว23.1%

ดังนั้นภายใต้มูลค่าซื้อขายที่เบาบาง และหากหุ้นที่ถูกถือครองผ่าน NVDR สูงๆ มี ปัจจัยลบมากระทบ มีโอกาสถูกยืมมา SHORT SELL สูง ส่งผลให้หุ้นนั้นๆ ผันผวน มากกว่าปกติได้ ซึ่งฝ่ายวิจัยฯ ทำการคัดกรองหาหุ้นที่มีมูลค่าถือครองผ่าน NVDR มากสุด ณ 31 ต.ค. 66 ได้ผลลัพธ์

สรุป ยามมูลค่าซื้อขายเบาบาง หากหุ้นที่ NVDR ถือครองสูงๆ มีปัจจัยลบเฉพาะตัว มากระทบ ก็มีโอกาสถูกยืมมา SHORT SELL ให้ผันผวนมากกว่าปกติในช่วงเวลา หนึ่งได้ อย่างไรก็ตามภาพรวมตลาดหุ้นยังยังคงมี VALUATION ที่น่าสนใจ ทั้ง PER67F ที่ต่ำเพียง 14.1 เท่า และยังคาดหวังการเติบโตกำไรปีหน้าได้ราว 12.6% ดังนั้นกลยุทธ์ทยอยสะสมหุ้นเพื่อหวังผลระยะกลางถึงยาวน่าจะเหมาะสมกับสภาวะ ตลาดแบบนี้ แนะนำหุ้น CPALL (BK:CPALL), CRC, TU, SCC, SCGP, SIRI, BEM, TISCO เป็น ต้น

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย