Program trading totally in full control
• SET: คาดตลาดหุ้นไทยและโลกซึมตัว หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯหยุดท่าการ จากเทศกาล Thanksgiving และคืนนี้เปิดซื้อขายแค่ครึ่งวันจากวัน Black Friday ทั้งนี้ แนะจับตาเงินบาทซึ่งในรอบวันที่ผ่านมาอ่อนค่ามาก ที่สุดในเอเชีย สอดคล้องกับ Fund flow ที่ไหลออกจากทั้งตลาดหุ้นและ ตลาดตราสารหนี้ของไทยเมื่อวานนี้
• AOT (BK:AOT): SET Index ปรับลงวานนี้กว่า 8 จุด โดยเกินกว่าครึ่งหนึ่งเกิดจาก การปรับลงของหุ้น AOT เพียงตัวเดียว ที่กดดันดัชนีไปถึง 4.4 จุด ประเด็น ที่น่าสนใจได้แก่การหมุนเวียนของหุ้น AOT ภายในวันเดียวถึง 185 ล้านหุ้น คิดเป็นอัตราส่วน Turnover ratio สูงถึง 1.3% สูงกว่าค่าเฉลี่ย 1 ปีย้อนหลังที่ 0.14% เป็นอย่างมาก และยังนับเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีอีกด้วย ก่อให้เกิดเครื่องหมายคําถามในตลาดมากมาย ว่าวอลุ่มการซื้อ ขายที่เยอะขนาดนี้มาจากไหน ซึ่ง ณ สิ้นวันก็มีคําตอบเฉลยออกมาว่า กว่า 40% ของวอลุ่มที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เกิดจากระบบ Program trading นั่นเอง ประเมินตราบใดที่นักลงทุนในตลาดยังคงมีความเคลือบ แคลงสงสัยต่อความได้เปรียบเสียเปรียบของ Program Trading นี้ คาด ว่าวอลุ่มการซื้อขายโดยรวมจะยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ําต่อไป โดยเฉพาะ จากฝั่งนักลงทุน Retail
• ส่วนวอลุ่มการซื้อขายของตลาดโดยรวมที่กระเตื้องขึ้นมาบริเวณ 4 หมื่น ล้านบาทนั้น นับว่ายังคงต่ํากว่าระดับ 5 หมื่นล้านบาทพอควร ทําให้วอลุ่ม การ Short selling ที่แม้เมื่อวานนี้จะอยู่เพียง 3.6 พันล้านบาท ยังคงมี อิทธิพลกดดันต่อภาพดัชนีต่อไป ทั้งนี้ หากมูลค่าการซื้อขายโดยรวมยังคง อยู่ต่ํากว่าระดับ 5 หมื่นล้านบาทเช่นนี้ คาดการณ์เช่นเดิมว่า SET Indexจะ ยังอยู่ในโหมดของการย่าฐานต่อไป
• DELTA: ทั้งนี้ในส่วนของหุ้น DELTA นั้น เมื่อวานนี้มีปริมาณการซื้อขาย อยู่ที่ 9.9 ล้านหุ้น ยังคงต่ํากว่า Threshold ที่ 11.9 ล้านหุ้นอยู่พอสมควร ทําให้ตัวหุ้นยังคงมีความเสี่ยงต่อการถูกถอดออกจากดัชนี SET50 และ SET100 ในรอบถัดไปอยู่ เพียงแต่ต้องอย่าลืมว่าการปรับน้ําหนัก หุ้นไทยของดัชนี MSCI ในวันสุดท้ายของเดือนนี้ อาจเป็นตัวช่วย หนุนวอลุ่มการซื้อขายในวันสุดท้ายขึ้นมาอย่างสําคัญได้เช่นกัน ไม่ว่าอย่างไรแล้ว จากความไม่แน่นอนในระยะสั้น คาดว่าตัวหุ้นมีโอกาส Underperform ไปจนถึงสิ้นเดือนนี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังมีข่าวล่าสุด เกี่ยวกับการเจรจาข้อเรียกร้องระหว่างบริษัทกับบสหภาพแรงงานเกิดขึ้นอยู่
• NER: เรามีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อตัวหุ้น โดยจากการประชุม นักวิเคราะห์ ผู้บริหารดูมีความมั่นใจต่อการเติบโตของธุรกิจยาง โดยเฉพาะ ความต้องการในอุตสาหกรรม EV ยังมีค่อนข้างมาก เราคาดแนวโน้มกําไร 4Q66 จะเติบโต 10% ตามปริมาณและราคาขายที่ปรับเพิ่มขึ้น ที่ผ่านมา NĚRเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลค่อนข้างดี Dividend Yield 5-6% โดยปีนี้ ผู้บริหารยังคงอัตราการจ่ายปันผลที่ 40% ของกําไร ราคาหุ้นปัจจุบันยังคง มี้ Upside จากเป้าหมาย Consensus ที่ 6 บาทอยู่ราว 26%
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities