DELTA in jeopardy
• SET: ตลาดหุ้นไทยกลับมามีวอลุ่มการซื้อขายที่เบาบางอีกครั้งหนึ่ง โดยเมื่อวานนี้มีมูลค่าการซื้อขายทั้งสันเพียง 3.46 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ถือเป็นระดับต่ําสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ที่ผ่านมา วอลุ่มการซื้อขายที่เบาบาง ดังกล่าว ย่อมทําให้แรงอิทธิพลของการ Short selling กลับมามีสูงขึ้นอีก ครั้ง แม้เมื่อวานนี้จะมีมูลค่าอยู่เพียง 4.1 พันล้านบาทเท่านั้น แต่พอคิดเป็น สัดส่วนต่อวอลุ่มการซื้อขายโดยรวม กลับมีสัดส่วนที่สูงถึงเกือบ 12% ตราบใดที่วอลุ่มโดยรวมยังไม่สามารถกลับมายืนเหนือระดับ 5 หมื่นล้าน บาทต่อวันได้ คาดว่าการปรับตัวขึ้นอย่างยั่งยืนของ SET Index ก็ยังเป็นสิ่ง ที่ยากต่อไปเช่นกัน
• Beware: ที่สําคัญ วอลุ่มการซื้อขายของตลาดที่อยู่ต่ําเช่นนี้ ย่อมส่งผล เชิงลบโดยอัตโนมัติต่อหุ้น 1 ตัวที่เราแนะนําให้ติดตามในเดือนนี้ ซึ่งก็คือ DELTA เนื่องจากหากใช้ข้อมูลสิ้นสุดเมื่อวานที่ผ่านมา จะได้ว่าตัวหุ้นมี ระดับ Turnover ratio ของเดือนนี้อยู่เพียง 1.43% เท่านั้น หากปิดเดือน พ.ย.แล้วอัตราส่วนดังกล่าวไม่สามารถขึ้นมายืนเหนือระดับ 2.0% ได้มีโอกาสสูงทีเดียวที่ตัวหุ้น DELTA จะหลุดออกจากการคํานวณดัชนี สําคัญอย่าง SET50 และ SET100 ในรอบถัดไป ทั้งนี้ จากการคํานวณของ เราพบว่า หาก DELTA จะมี Turnover ratio ขึ้นไปถึงระดับ 2.0% ได้นั้น จะต้องมีปริมาณหุ้นซื้อขายต่อวันในช่วง 6 วันท่าการที่เหลือของเดือนอยู่ เฉลี่ยวันละ 11.9 ล้านหุ้นให้ได้ แนะติดตามความคืบหน้าว่าจะมีการท่า Big lot ของหุ้นตัวนี้ในช่วงโค้งสุดท้ายของเดือนหรือไม่ หากสุดท้ายด้ว หุ้น DELTA หลุดออกจากการคํานวณดัชนี SET50 และ SET100 จริง ด้วหุ้นที่เราคําานวณว่าจะได้อานิสงส์ในการถูกบรรจุเข้าสู่ดัชนี แทนก็คือ BCP สําหรับ SET50 และ AH สําหรับ SET100
• Boost: อย่างไรก็ดีในส่วนของภาพตลาดรวมนั้น พอมีความคาดหวังเชิง บวกได้บ้างว่าพอเข้าสู่เดือนธ.ค.แล้ว การเปิดขายกองทุน TESG เพื่อการ ลดหย่อนภาษีในประเทศจะเป็นแรงหนุนทําให้ผู้เล่นฝั่งนักลงทุนสถาบันใน ประเทศกลับเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ เพียงแค่ 7-8% ถือเป็นความคาดหวังด้านสภาพคล่องที่รออยู่ โดยเรา ยังคงคาดการณ์ว่าเป้าหมายที่ทางการตั้งเอาไว้ว่าจะเห็นเม็ดเงินไหลเข้าสู่ กองทุนนี้ราว 1 หมื่นล้านบาทนั้นมีความเป็นไปได้ อ้างอิงจากสัดส่วนเม็ด เงินของกองทุน LTF ที่ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นในอดีต ทั้งนี้ กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจ ในธีม ESG ที่เราคัดเลือกมายังคงได้แก่
1) หุ้นปันผลสูงที่มักจะเข้าสู่ช่วง High season ตั้งแต่ต้นปี ได้แก่ PTT (BK:PTT), ADVANC, SCC, KTB
2) หุ้นที่มี Earnings momentum เชิงบวกในช่วงถัดไป ได้แก่ CPALL (BK:CPALL), CRC
3) หุ้นที่เห็นการปรับเพิ่มประมาณการล่าสุด ได้แก่ PTTEP, KBANK (BK:KBANK)
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities