A good day / Fitch / ESG Fund
• SET: คาด SET Index ปรับตัว Sideways ถึง Sideways up ในวันนี้ รับปัจจัยบวกหลัง Fitch คงอันดับและมุมมองต่อความน่าเชื่อถือของ ประเทศไทย รวมถึงความคาดหวังต่อกองทุน ESG Fund ที่น่าจะมี รายละเอียดชัดเจนมากขึ้นในวันนี้ นอกจากนั้น ราคาน้ามันดิบที่สูงขึ้น น่าจะ ช่วยหนุนราคาหุ้นกลุ่ม Oil & Gas ขึ้นมาด้วยเช่นกัน คงกรอบการแกว่งตัว ของดัชนีทั้งสัปดาห์ที่ 1370-1420 จุด ในเชิงกลยุทธ์ มองดัชนี SET จะไม่ท่าจุดต่าสุดใหม่เช่นเดิม ดังนั้นสําหรับผู้ที่ถือหุ้นอยู่แล้ว สามารถถือ ครองหุ้นต่อไปได้
• Factors: สําหรับปัจจัยที่น่าติดตามในวันนี้ ได้แก่การเปิดเผยตัวเลขเงิน เฟ้อของสหรัฐฯประจําเดือนต.ค. หากตัวเลขออกมาแตกต่างจากที่ตลาด คาดอย่างสําคัญ อาจส่งผลกระทบต่อ Fed Funds futures และ Bond yield สหรัฐฯได้ ส่วนปัจจัยในประเทศ ติดตามการประชุมร่วมกัน ระหว่างกระทรวงการคลังกับ FETCO ว่าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับกองทุน ESG ดังกล่าวมากน้อยเพียงใด (รายละเอียดด้านล่าง)
• Fitch: สําหรับประเด็นที่อาจทําให้นักลงทุนคลายความกังวลต่อตลาดหุ้น ไทยมากขึ้นล่าสุด ได้แก่ การที่สถาบันจัดอันดับ Fitch Ratings ตัดสินใจ คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ที่ BBB+ และคงมุมมองความ น่าเชื่อถือที่ระดับมีเสถียรภาพ โดย Fitch คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโต ต่อเนื่องจาก 2.8% ในปีนี้เป็น 3.8% ในปีหน้า
• ในขณะที่ภาคการคลังสาธารณะ Fitch คาดว่า รัฐบาลจะขาดดุล งบประมาณเพิ่มขึ้นจาก 3.0% ของ GDP ในปี 2566 เป็น 3.7% ของ GDP ในปี 2567 ซึ่งสูงกว่าค่ากลางของกลุ่มประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ ระดับเดียวกัน (BBB Median = 2.9%) แต่จะเริ่มลดลงมาอยู่ที่ 3.5% ในปี 2568
• นอกจากนี้ Fitch คาดว่าสัดส่วนหนี้ภาครัฐบาลต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมใน ประเทศ (General Government to GDP) ในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นเป็น 56.8% ซึ่งยังคงสูงกว่าระดับ Pre-Covid แต่ยังอยู่ในระดับเดียวกันกับค่า กลางของกลุ่มประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับเดียวกัน ที่ 56.3% ทั้งนี้ ตัวเลขนี้ถือเป็นหัวใจสําคัญที่ Fitch จะใช้พิจารณาอันดับความ น่าเชื่อถือของไทยในช่วงถัดไป
• ในส่วนภาคการเงินต่างประเทศ (External Finance) Fitch มองว่าประเทศ ไทยมีความแข็งแกร่ง และสามารถรองรับสถานการณ์ความตึงเครียดต่างๆ เช่น ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ได้ โดยประเมินว่า ปี 2566 ดุลบัญชี เดินสะพัดจะกลับมาเกินดุลที่ 1.0% ของ GDP ส่วนระดับทุนสํารองระหว่าง ประเทศต่อมูลค่าการนําเข้า จะยังคงอยู่ในระดับสูงมากที่ 7.1 เดือน ซึ่งสูง กว่า BBB Median ที่ 5 เดือน
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities