ประเมินจากปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานเช้านี้ไม่เห็นพัฒนาการในเชิงลบเพิ่มขึ้น เริ่มจากสงคราม อิสราเอล-ฮามาส ยังไม่มีการใช้ก าลังบุกเข้าไปทางบก และ เปิดทางให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ทางด้านเศรษฐกิจการเร่งตัวขึ้นของ Bond Yield สหรัฐลดระดับลง ขณะที่ Inverted Yield Curve แคบลงเหลือ - 0.17% ขณะที่ Bloomberg Survey แสดงโอกาสที่จะเกิด Recession ในสหรัฐ และในอีกหลายประเทศช่วง 1 ปีข้างหน้าลดลง ทางด้านจีนมีการอนุมัติให้ออก พันธบัตร 1 ล้านล้านหยวน ซึ่งน่าจะถูกใช้กระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2567 ส าหรับใน บ้านเรา Digital Wallet แม้ยังไม่มีข้อสรุป แต่เริ่มมีทางเลือกในการด าเนินการ เช่น การแจกเฉพาะกลุ่มเปราะบาง หรือ การไม่แจกให้กับ ผู้มีรายได้สูง ซึ่งต้องรอดู ข้อสรุปต่อไป อย่างไรก็ตามเชื่อว่ายังเห็นการเดินหน้าโครงกรต่อไป
การดีดตัวกลับของ SET Index มองว่าเป็นส่วนหนึ่งของความผันผวนที่ยัง ด าเนินต่อไป วันนี้ยังไม่มีน้ าหนักเชิงลบเข้ามาเพิ่ม อาจเห็น Momentum ขยับขึ้น แนวต้าน 1410 จุด แนวรับ 1390 จุด หุ้น Top PickเลือกBEM, BH และ CRC
ปัจจัยแวดล้อมอยู่ในช่วงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
วานนี้ดัชนี NASDAQ ที่ร่วงลงแรงราว -2.43% ซึ่งตลาดหุ้นอยู่ในภาวะผันผวน โดยมี 3 ปัจจัยแวดล้อมส าคัญอยู่ในช่วงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
วานนี้ตลาดหุ้นสหรฐฯ ค่อนข้างผันผวน เฉพาะอย่างยิ่ง หลังได้รับแรงกดดันหลักจาก หุ้นกลุ่ม Tech น าโดย Alphabet (-9.5%) ด้วยปัจจัยเฉพาะตัวกรณีรายได้จากธุรกิจ Google (NASDAQ:GOOGL) Cloud ใน 3Q66 ออกมาต่ ากว่าคาด นอกจากนี้ จากการประเมินว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง อาจมีผลต่อทิศทางดอกเบี้ย
อย่างไรก็ดียังมีประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในช่วงนี้ ได้แก
1. การประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนใน 3Q66 โดยวานนี้หุ้น กลุ่ม Tech อย่าง Alphabet (-9.5%) ด้วยปัจจัยเฉพาะตัวกรณีรายได้จาก ธุรกิจ Google Cloudใน 3Q66 ออกมาต่ ากว่าคาด ขณธที่ปัจจุบันบริษัทใน ดัชนี S&P500 มีการรายงานงบฯ แล้วราว 29% ซึ่งมีบริษัทราว 4 ใน 5 ที่ ก าไรออกมาสูงกว่าตลาดคาด
2. การรายงานตัวเลข GDP สหรัฐฯ ใน 3Q66 โดย Consensus คาดว่าจะ ขยายตัว 4.5%QoQ ทั้งนี้ผลกระทบในช่วงสั้นหาก Fed ยังมีท่าทีด าเนิน นโยบายที่เข้มงวด ระยะสั้นอาจส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงผันผวน และ Bond Yield สหรัฐฯ อายุ 10 ปี มีโอกาสขยับขึ้น โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 4.95% อย่างไรก็ตามหากมองในมุมระยะยาว กรณีที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ สามารถ หลีกเลี่ยงภาวะถดถอยได้ ถือว่าเป็นปัจจัยบวกต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลก
3. ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ในกรณีความขัดแย่งระหว่างอิสราเอล – ฮามาส ซึ่งล่าสุดยังคงมีการสู้รบกันอย่างต่อเนื่อง ท าให้ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 7,200 ราย อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามแนวโน้มของการขยายวงกว้าง ของการท าสงครามไปสู่ระดับภูมิภาค
สรุป ตลาดหุ้นสหรัฐผันผวนในช่วงสั้นจากปัจจัยเฉพาะตัวและ Bond Yield พุ่ง อย่างไรก็ดียังมีประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในช่วงนี้ ได้แก่ การประกาศผล ประกอบการของบริษัทจดทะเบียนใน 3Q66, การรายงานตัวเลข GDP สหรัฐฯ ใน 3Q66, และความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์
จีนออกมาตรการกระตุ้น หนุนค่าเงินหยวนชะลอการอ่อนค่า
หลังจากที่ Central Huijin Investment Ltd หนึ่งในกองทุนความมั่งคั่งของจีน ได้ท าการ เข้าซื้อ ETF ชอง A-Shareราว 10 พันล้านหยวน (1.4 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งมุ้งเน้นไปที่ ETF กลุ่ม เทคโนโลยีและดัชนีหุ้นจีนต่อมา คณะกรรมการถาวรของสภาประชาชน แห่งชาติจีน (NPC) อนุมัติการออกพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 1 ล้านล้านหยวน (1.37 แสน ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และผ่านร่างกฎหมายที่จะอนุญาตให้รัฐบาลท้องถิ่นได้รับโควตาใน การออกพันธบัตรในปีงบประมาณ 2567 โดยการด าเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะ กระตุ้นเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งรายงานระบุว่า เม็ดเงินที่ระดมได้จากการออก พันธบัตรรัฐบาลครั้งใหม่นี้ จะน าไปเป็นทุนในการสนับสนุนการบูรณะซ่อมแซมพื้นที่ ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติในจีน และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านการระบายน้ า ในพื้นที่เขตเมือง เพื่อช่วยให้จีนมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นในการรับมือกับภัยพิบัติทาง ธรรมชาติ
อย่างไรก็ตามสื่อของทางการจีนระบุว่า การออกพันธบัตรดังกล่าวจะท าให้ตัวเลขขาด ดุลงบประมาณของรัฐบาลจีนในปี 2566 เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.8% ของ GDP ซึ่งเดิมตั้งเป้า ไว้ว่าห้ามเกินระดับ 3% ของ GDP
ท าให้ Bloomberg Consensus คาดว่า GDP Growth ในไตรมาส 4 จะยังโตระดับเดิม จากไตรมาส 3 คือ +4.9%YoY หนุน GDP Growth ปี 2566 +5.0%YOY ซึ่ง สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลจีนที่ตั้งเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้ที่ระดับ 5%YoY ประเด็นดังกล่าว ท าให้มีโอกาสสูงที่ค่าเงินหยวนจะชะลอการอ่อนค่า และ กลับมาแข็งค่าในช่วงเวลาถัดไป และหนุนให้ตลาดหุ้นจีนกลับมา Outperform อีกครั้ง
สรุป มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนทยอยออกมาเรื่อยๆ ล่าสุดคือ ออกพันธบัตร รัฐบาลมูลค่า 1 ล้านล้านหยวน จึงท าให้ GDP Growth ปีนี้ของจีนมีโอกาสแตะระดับ +5%YoY ตามที่รัฐบาลจีนตั้งเป้าหมายไว้ ซึ่งจะท าให้ Flow มีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้น จีนระยะถัดไป และผลักดันให้ค่าเงินหยวนกลับมาแข็งค่าอีกครั้ง
กระแส Digital Wallet ตัดสิทธิ์ ‘คนรวย’ กดดันหุ้น Domestic
วานนี้คณะอนุกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตเตรียม 3 แนวทางตัดสิทธิ์คนรวยออกจาก ระบบ เพื่อเสนอกรรมการชุดใหญ่สัปดาห์หน้า
ตัดกลุ่มที่ได้รับเงินเดือนเกินกว่า 25,000 บาท หรือมีเงินฝากรวมกันมากกว่า 1 แสนบาทออก
ตัดกลุ่มที่ได้รับเงินเดือนเกินกว่า 50,000 บาท หรือมีเงินฝากรวมกันมากกว่า 5 แสนบาท
ให้เข้าร่วมเฉพาะผู้ยากไร้ตามกลุ่มบัตรคนจน จ านวน 15-16 ล้านคน
นอกจากนี้ยัฐบาลเผยให้ธนาคารกรุงไทยเป็นผู้ท าแอปพลิเคชัน และยกเลิกเงื่อนไข 4 กิโลเมตร ประกาศใช้ระดับอ าเภอ คาดเริ่มแจกเงินได้หลังเดือนเมษายน 2567 ปัจจัยดังกล่าวอาจเป็น Sentiment เชิงลบทั้งจากความคาดหวังการเติบโตทาง เศรษฐกิจในปี 2567 มีโอกาสลดลง จากปัจจุบัน ธปท. คาด GDP ปี 2567 เติบโตได้ 4.4% และเป็น Sentiment เชิงลบต่อตลาดหุ้นที่อาจคาดหวังการเติบโตลดลงได้ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม Domestic อาทิ กลุ่ม ธ.พ., ค้าปลีก, ท่องเที่ยว, ขนส่ง, อาหาร เป็น ต้น
แต่ในอีกมุมอาจช่วยลดความกังวลเรื่องการกู้เงินเพิ่ม ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีสัดส่วน หนี้สาธารณะต่อ GDP อยู่ที่ 61.8% รวมถึงหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ที่ระดับกว่า 90% , รวมถึงความกังวลการปรับลดอันดับเครดิตเรตติ้งของสถาบันการเงิน หนุนให้ค่าเงิน บาทในระยะถัดไปมีโอกาสชะรอการอ่อนค่าได้
ทั้งนี้นักลงทุนติดตามความคืบหน้าประเด็นดิจิทัลวอลเล็ตอย่างใกล้ชิด เพราะกระแส ดังกล่าวมีผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น และปัจจุบันยังไม่ได้ผลสรุปที่ชัดเจน
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities