รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และผลการประชุม ECB พร้อมระวังความผันผวนจากสงคราม

เผยแพร่ 24/10/2566 07:17
อัพเดท 09/07/2566 17:32
  • สัปดาห์ที่ผ่านมา ภาวะสงครามยังคงช่วยหนุนให้ราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้น แม้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯจะพุ่งขึ้นแรงกว่า +30bps 
  • ควรจับตา รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ผลการประชุม ECB และรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน พร้อมระวังความผันผวนจากภาวะสงคราม
  • แม้ความเสี่ยงสงครามยังไม่ได้ลดลงชัดเจน ทว่าเงินดอลลาร์อาจผันผวนไปตามมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มนโยบายการเงินเฟด โดยเงินดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่าขึ้นต่อ หากภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงสดใสและแข็งแกร่งกว่าคาด ในส่วนของค่าเงินบาท มีแนวโน้มผันผวนไปตามทิศทางเงินดอลลาร์ ราคาทองคำและราคาน้ำมันดิบ ทั้งนี้ แรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติอาจลดลงบ้าง หากบรรยากาศในตลาดการเงินเริ่มกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งจะขึ้นกับรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดนเฉพาะบริษัทเทคฯ ใหญ่ของสหรัฐฯ นอกจากนี้ ควรจับตาทิศทางเงินหยวนจีน หลังผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลต่อปัญหาหนี้ภาคอสังหาฯ แม้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของจีนล่าสุดจะออกมาดีกว่าคาดก็ตาม แต่ตลาดกลับยังไม่ได้ตอบรับในเชิงบวก
  • มองกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้
    36.00-36.75
    บาท/ดอลลาร์
  • มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

    • ฝั่งสหรัฐฯแม้ว่าสถานการณ์สงครามยังมีความไม่แน่นอนและเสี่ยงที่จะบานปลายมากขึ้น ทว่าในสัปดาห์นี้ เรามองว่าผู้เล่นในตลาดจะให้ความสำคัญต่อทิศทางนโยบายการเงินของเฟดมากขึ้น ผ่านการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ อัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ที่ล่าสุด นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจขยายตัวกว่า +4.1%q/q, เทียบรายปี (GDPNow โดย Atlanta Fed ประเมิน +5.4%) อย่างไรก็ดี แม้ว่า ภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 3 อาจขยายตัวได้แข็งแกร่ง ทว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจมีแนวโน้มชะลอลงมากขึ้นในไตรมาส 4 สะท้อนจาก รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและภาคการบริการ (S&P Manufacturing and Services PMIs) เดือนตุลาคม ที่อาจปรับตัวลดลงต่อเนื่อง สู่ระดับต่ำกว่า 50 จุด สะท้อนถึงภาวะหดตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตและภาคการบริการ อนึ่ง หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดและสะท้อนภาพเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่ง ก็อาจยิ่งทำให้ ผู้เล่นในตลาดกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟดและแนวโน้มเฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงมากขึ้น โดยล่าสุด จาก CME FedWatch Tool ผู้เล่นในตลาดมองว่า เฟดมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยราว 35% ในต้นปีหน้า ก่อนที่จะเริ่มลดดอกเบี้ยลงในช่วงเดือนมิถุนายนปีหน้า (ลดดอกเบี้ยทั้งหมดราว -75bps) และนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว เรามองว่า ควรจับตารายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิด โดยในสัปดาห์นี้จะมีการรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทเทคฯ ใหญ่ อาทิ Amazon, Alphabet, Meta และ Microsoft ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้อย่างมีนัยสำคัญ 
    • ฝั่งยุโรปผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของยูโรโซน อย่าง ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างมองว่า เศรษฐกิจยูโรโซนยังคงมีแนวโน้มชะลอตัวลงมากขึ้น สะท้อนผ่านดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ เดือนตุลาคมที่จะต่ำกว่าระดับ 50 จุด อย่างต่อเนื่อง และจากภาพรวมเศรษฐกิจยูโรโซนที่ไม่สดใสนัก กอปรกับแนวโน้มการชะลอตัวลงของอัตราเงินเฟ้อยูโรโซน ทำให้เราประเมินว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้วที่ระดับ 4.00% (Deposit Facility Rate) ทั้งนี้ ควรจับตาถ้อยแถลงของประธาน ECB เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ ECB ในอนาคต
    • ฝั่งเอเชียตลาดจะรอลุ้น รายงานดัชนี PMI ของญี่ปุ่น ในเดือนตุลาคม โดยนักวิเคราะห์มองว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงได้แรงหนุนจากการขยายตัวต่อเนื่องในภาคการบริการที่ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ขณะที่ภาคการผลิตอาจยังคงหดตัวอยู่ ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ทั้งนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ยังคงสดใส กอปรกับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่รวมราคาพลังงานและอาหารสด (Core-Core CPI) ล่าสุด ซึ่งยังคงสูงกว่า 4% อาจเพิ่มโอกาสให้ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ทยอยใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นได้ ซึ่งต้องจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ BOJ โดยเฉพาะผู้ว่าฯ BOJ 
    • ฝั่งไทยตลาดมองว่า ยอดการส่งออก (Exports) เดือนกันยายน อาจหดตัวราว -2%y/y ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานที่สูงในปีก่อน รวมถึงภาพเศรษฐกิจคู่ค้าที่ยังคงชะลอตัวอยู่ อย่างไรก็ดี ยอดการนำเข้า (Imports) ก็อาจหดตัวราว -5.6%y/y ทำให้โดยรวมดุลการค้าอาจเกินดุลได้ราว 900 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ แม้การส่งออกจะยังคงหดตัวอยู่ ทว่า จากผลสำรวจบรรดานักวิเคราะห์ในการประชุม Monetary Policy Forum โดยธนาคารแห่งประเทศไทยล่าสุด นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า การส่งออกอาจเริ่มทรงตัวในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ก่อนจะกลับมาขยายตัวได้ในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า 

     

ความคิดเห็นล่าสุด

Thank you Israel that caused the stock market to fall.
Thank you Israel that causes the price of gold to rise
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย