BoJ & MPC / Weekly picks on Rubber and Insurance
• SET: คาดสัปดาห์นี้ SET Index แกว่งตัวในกรอบ 1490-1540 จุด มอง ดัชนีอาจมีการเคลื่อนไหวผันผวนปลายสัปดาห์จากการ Rollover สัญญาใน ตราสาร SET50 futures ในเชิงกลยุทธ์ จากกรอบ Upside ของดัชนีที่ จํากัด ทําให้เรายังคงแนะน่าชะลอการลงทุนในภาพรวมต่อไป โดยอาจหา กลุ่มที่น่าสนใจเก็งกําาไรไปก่อนในช่วงนี้ (รายละเอียดด้านล่าง)
• BoJ: ไฮไลท์ที่สําคัญจากการประชุม BoJ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้แก่
1) มีมติคงมาตรการต่างๆไว้ พร้อมทั้งยังไม่ส่งสัญญาณชัดเจนใดๆต่อการ เปลี่ยนแปลงท่าทีของนโยบายการเงิน แถมยังมีการกล่าวว่าพร้อมที่จะ มีการออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมหากจ่าเป็น (Dovish)
2) จากปัจจัยดังกล่าว ท่าให้นักลงทุนที่เคยคาดการณ์ว่า BoJ อาจมีการส่ง สัญญาณ Hawkish ในการประชุมครั้งนี้ มีการ Reverse สถานะกลับ เห็นได้จากเงินเยนที่ถูกแรงเทขายจนปรับตัวอ่อนค่าทันที และทําให้ เงิน USD ในมิติของ Dollar Index ปรับตัวแข็งค่าขึ้นต่อ
• Our take: ประเมินโทนของ BoJ ที่ออกมา Dovish กว่าตลาดคาดนี้ ท่า ให้เงินเยนมีโอกาสที่จะทรงตัวอ่อนค่าได้ต่อไป ผิดจากคาดการณ์ของเรา ก่อนหน้านี้ที่มองว่าเงินเยนอาจเจอ Turning point เรียบร้อยแล้ว จาก สถานการณ์ดังกล่าว ทําให้สินทรัพย์ที่ Quote อยู่ในรูปเงินเยนมีโอกาสที่จะ ทรงตัวหรือปรับตัวขึ้นต่อได้อีก โดยเฉพาะยางพารา ที่มีแรงหนุนจาก ปัจจัยอื่นอีกอย่างราคาน้ํามัน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน (รูปที่ 1) แนะ เก็งก่าไรในส่วนของหุ้นกลุ่มยางอีกครั้ง อาทิ STA, NER, TEGH เป็นต้น
• MPC preview: มองปัจจัยสําคัญที่สุดในสัปดาห์นี้ได้แก่ การประชุมกนง. ของไทยในวันที่ 27 ก.ย. เรายังคง หน้าหนักว่าคณะกรรมการจะมีมติปรับ ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องอีกครั้งที่ระดับ 0.25% สู่ระดับ 2.50% แม้ว่า ในรอบนี้ กนง.จะมีการปรับลดคาดการณ์ GDP ในส่วนของปีนี้ลงก็ตาม จาก สาเหตุสําคัญต่อไปนี้
1) แรงกดดันเงินเฟ้อที่มีโอกาสวกกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วง ไตรมาส 4 จากระดับราคาพลังงานที่สูงขึ้น (รูปที่ 2) ไม่นับรวมกับ ปรากฏการณ์เอลนีโญ ที่อาจส่งผลมายังต้นทุนของผู้ประกอบการที สูง นในช่วงถัดไป
2) แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงถัดไปที่น่าจะเริ่มเห็นแรงส่งจากมาตรการ กระตุ้นการบริโภคและมาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐ
3) ท่าทีของธนาคารกลางขนาดใหญ่อย่าง Fed ที่ล่าสุดส่งสัญญาณการ ปรับขึ้นดอกเบี้ยยังไม่สิ้นสุด
4) เงินบาทที่ยังคงอ่อนแรงต่อเนื่อง จากการไหลออกของ Fund flow และการขาดดุลที่เพิ่มขึ้นของดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัด
• Our take: ทั้งนี้ หากเทียบกับคาดการณ์ของตลาด Swap ปัจจุบัน นัก ลงทุนยังคงให้นํ้าหนักการขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้เพียง 74% เท่านั้น ดังนั้นหากมี การขึ้นดอกเบี้ยจริง คาดว่าจะเห็นการ Re-pricing ในตลาดเกิดขึ้นจนน่ามา สู่การปรับขึ้นของ Bond yield ในประเทศต่อ โดยเฉพาะ Bond yield ระยะ สั่น ส่งผลกดดันต่อความน่าสนใจของสินทรัพย์ต่างๆผ่านมาตรวัด Yield gap ที่ลดลงอีก โดยเฉพาะกลุ่ม Rate-sensitive อย่าง Finance และ Property และกลุ่ม Bond-like อย่าง REIT/PFUND/IFF/Utilities
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities