ทิศทางราคาทองคํา
ราคาทองคําปรับตัวลดลงหลังจากที่เฟดส่งสัญญาณ อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปีนี้ โดยคาดว่า ณ สิ้นปี 2566 อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 5.50-5.75% จากภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่ง และภาวะเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลง จึงส่งผลให้ตลาดทองคําและตลาดหุ้นได้รับ ผลกระทบในทิศทางขาลงจากการแข็งค่าของดัชนีดอลลาร์ โดยเมื่อวานนี้ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้น จากระดับ 105.2 จุด มาอยู่ที่ 105.7 จุด ขณะที่เช้านี้ดัชนีดอลลาร์อยู่ที่ 105.51 จุด อย่างไรก็ดี ภาพ รวมของตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังอยู่ในเกณฑที่ดี โดยวันนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สําคัญ ของสหรัฐฯ ได้แก่ Flash Manufacturing PMI และ Flash Services PMI คาดการณ์ว่าจะออกมา เพิ่มขึ้นจากเดิม สําหรับกองทุนทองคํา SPDR เมื่อวานนี้ซื้อเข้า 0.58 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 878.83 ตัน
วิเคราะห์ราคาทองคําทางเทคนิค
ราคาทองคํายังคงเคลื่อนตัวในกรอบ Sideways ระหว่าง 1,915-1,925 เหรียญ โดยยังไม่มีความชัดเจนของทิศทาง เนื่องจากแรงกดดันของการที่เฟดส่งสัญญานปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งก่อนสิ้นปี 2566 โดยวันนี้คาดว่าราคา ทองคําจะมีกรอบแนวรับอยู่ที่ 1,905 เหรียญ และแนวต้านอยู่ที่ 1,935 เหรียญ ขณะที่ราคาทองไทยยังคงปรับตัวอยู่ ในระดับสูงจากการอ่อนค่าของค่าเงินบาท โดยราคาทองไทยปรับตัวสูงขึ้นมาทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่บริเวณ 32,950 บาทต่อบาททองคํา ซึ่งค่าเงินบาทอ่อนค่าอยู่ที่ 36.20 บาทต่อดอลลาร์ โดยที่ผ่านมาราคาทองไทยมีจุดสูงสุดเดิมอยู่ แถวบริเวณ 32,070 บาทต่อบาททองคํา และค่าเงินบาทในขณะนั้นอยู่ที่ 34.20 บาทต่อดอลลาร์ นับตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. 2566 สําหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 1,925 เหรียญ และแนวต้าน 1,955 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 1,905 เหรียญ และแนวต้าน 1,935 เหรียญ สําหรับราคาทองคําไทยมีแนวรับที่ 32,700 บาท/บาททองคํา และมีแนวต้านที่ 33,200 บาท/บาททองคํา
บทวิเคราะห์ข้างต้นจัดทำขึ้นสำหรับกลุ่มลูกค้าของบริษัทฯเท่านั้น และเป็นการวิเคราะห์โดยยึดหลักตาม Technical Analysis ทั้งนี้ บริษัทฯไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้น นักลงทุนทุกท่านโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นโดย สถาบันการลงทุนทองคำ แม่ทองสุก MTS สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 0 2770 7788 หรือทางเว็บไซต์ mtsgold.co.th