Export data / ETRON / BANK
• SET: คาด SET อาจเปิดตลาดในแดนลบตามตลาดหุ้นอื่น แต่อาจยังพอ ลุ้นว่าการปรับลงนั้นจะยังไม่รุนแรง ตราบใดที่ Sentiment ของปัจจัยการ จัดตั้งรัฐบาลใหม่ยังไม่หมดไปเสียทีเดียว สําหรับสิ่งที่น่าสนใจเมื่อวานนี้ก็ คือว่า หากดัดกลุ่ม ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ออกไป จะพบว่า SET Index จะปรับตัวไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย บ่งชี้ว่าโมเมนตัมของหุ้นกลุ่มอื่นๆต่อ ประเด็นการได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่อาจเริ่มลดน้อยลง อย่างไรก็ดี ปัจจัย ดังกล่าวอาจยังพอช่วยไม่ให้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยออกมา อย่างสําคัญในช่วงนี้ได้ ดังนั้นมีโอกาสเหมือนกันที่ดัชนีหุ้นไทยจะยัง แข็งแกร่งกว่าคนอื่นในระยะสั้น ทั้งนี้ อาจต้องระวังแรงขายทํากําไรกลุ่ม ชิ้นส่วนฯในวันนี้ (DELTA, KCE, HANA) หลังจากที่ราคาหุ้น NVIDIA ปิดที่ระดับต่ําสุดของวันเมื่อคืนนี้ และยังลดลงต่อในช่วง After-hours trading
• Factors: สําหรับปัจจัยวันนี้ แนะน่าติดตามตัวเลขส่งออก-นําเข้าของไทย ประจําเดือนก.ค. ซึ่งล่าสุดตลาดคาดการณ์หดตัวต่อไปที่ระดับ 2.8% และ 8.8% YoY ตามล่าดับ ส่งผลให้ดุลการค้าน่าจะขาดดุลต่อที่ระดับ 1.4 พันล้านเหรียญฯ แนะจับตาการส่งออกสินค้าหมวดอาหาร/สินค้า อุตสาหกรรมเกษตร ว่าจะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นมาบ้างหรือไม่ ถ้าเริ่ม เห็น มองจะเป็น Sentiment ที่ดีต่อกลุ่มนี้ ซึ่งยังคงเป็นหนึ่งในกลุ่ม หุ้นแนะนําาที่เรามองว่าจะเห็น Earnings momentum เชิงบวก ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
• BANK: สิ่งที่น่าจับตามองเมื่อวานนี้ได้แก่การปรับตัวลงของหุ้นกลุ่ม ธนาคารพาณิชย์เกือบ 2% น่าโดย KTB, TTB, และ BBL มองสาเหตุหลัก อาจมาจากกระแสข่าวที่ภาครัฐอาจขอร้องให้แบงก์รัฐช่วยตรึงดอกเบี้ยเพื่อ ช่วยเหลือลูกหนี้ ซึ่งอาจน่ามาสู่ Action เดียวกันในธนาคารพาณิชย์อื่นๆได้ กระทบต่อแนวโน้มของ NIM ในอนาคต ไม่ว่าอย่างไรแล้ว แม้ว่าจะไม่มี ประเด็นนี้เกิดขึ้น เราก็มองว่าข่าวดีของกลุ่มแบงก์ และจุดพีคของ NIM อาจได้เกิดขึ้นไปแล้ว หลังจากที่ธปท.มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายไปเมื่อ ต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเราประเมินว่าน่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของ Cycle นี้ไปแล้ว ที่สําคัญ เรายังไม่เห็นการส่งผ่านใดๆของการขึ้นดอกเบี้ย นโยบายรอบล่าสุด ไปสู่การปรับเปลี่ยนดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ โดยครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้น ต้องย้อนไปถึงต้นเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นการขึ้น เพื่อตอบรับการการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายช่วงปลายเดือนพ.ค.ในเชิงกลยุทธ์ จาก Catalyst ที่เริ่มลดน้อยลงและในฐานะที่เป็นกลุ่ม ที่ Outperform ตลาดมามากแล้ว หาให้กลุ่ม BANK มีความน่าสนใจ ในการเข้าลงทุนน้อยกว่าหุ้นกลุ่มอื่นๆ ณ เวลานี้
• Strategy: ยังคงประเมินกรอบแนวต้านของ SET ตามมิติของ Valuation ที่ระดับ 1560 จุด ในเชิงกลยุทธ์ แนะนํา Selective หุ้น 3 กลุ่มที่สามารถ มองข้ามปัจจัยการเมืองและโฟกัสกับ Earnings momentum ที่ดีขึ้น ได้แก่
1) กลุ่มโรงพยาบาล (BH, BDMS, BCH)
2) กลุ่มส่งออกอาหาร/เกษตร (CPF, BTG, GFPT, TU, AAI, ITC)
3) กลุ่มบริหารหนี้ (JMT, CHAYO)
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities