Sectors to focus & avoid
• SET: คาด SET Index เปิดตลาดสัปดาห์นี้แกว่งตัว Sideways มองกรอบ การเคลื่อนไหวทั้งสัปดาห์ที่ระดับ 1500-1560 จุดเช่นเดิม โดยปัจจัย ประคับประคองที่สําคัญยังคงได้แก่กลุ่ม Oil & Gas ที่ยังคงได้อานิสงส์จาก ราคานํามันดิบที่ทรงตัวในระดับสูง ขานรับมติกลุ่ม OPEC+ ที่ให้คงระดับ การลด าลังการผลิตที่ 3.66 ล้านบาร์เรล/วัน ไปจนถึงสิ้นปี 2567 ในทาง กลับกัน ปัจจัยที่ยังคงทําให้ตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาวะ Overhang และมี มูลค่าการซื้อขายในระดับต่ํา ได้แก่ภาวะสุญญากาศทางการเมือง ที่นับวันดู แต่จะมีความไม่แน่นอนเพิ่มมากขึ้น
• Fund flow: ตลาดทุนไทยต่อเนื่อง โดยเมื่อวันศุกร์ นักลงทุนต่างชาติยังคงเดินหน้าถอนเงินลงทุนออกจาก ขายสุทธิ ตราสารหนี้ไปอีก 6 พันล้านบาท โดยเป็นฝั่งตราสารหนี้ระยะสั้นอย่างชัดเจน ส่งผลให้เงินบาท ล่าสุดยังคงอยู่ในทิศทางอ่อนค่า แม้ว่าเงิน USD จะเริ่มปรับตัวอ่อนค่า ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ตาม
• Strategy & Picks: ในภาพรวม ยังคงแนะนําา Wait & See ต่อไป ควบคู่ ไปกับการถือสถานะ Short against port สําหรับผู้ที่จ่าเป็นต้องถือครองหุ้น ในช่วงนี้ โดยสําหรับกลุ่มหุ้นที่เรามองว่าพอจะ Selective ได้บ้าง ในช่วงท้ Valuation ดัชนี SET อยู่สูงเช่นนี้ มองไปยัง 2 กลุ่มที่มีผลการดาเนินงาน ผ่านพ้นจุดด่าสุดในช่วงไตรมาส 2 ไปแล้ว อย่างเช่น
1) หากต้องการลงทุนไปตามโมเมนตัม มองไปยังกลุ่มโรงกลั่นที่ได้แรง หนุนจากค่าการกลั่นที่ปรับขึ้นสูง เช่น TOP, SPRC, BCP, IRPC, PTTGC
2) หากต้องการความปลอดภัย มองไปยังกลุ่มโรงพยาบาลที่ยังคงปรับตัว Laggard ตลาดในช่วงที่ผ่านมา เช่น BDMS, BH, BCH, CHG, PR9
• Avoid: ส่วนกลุ่มที่แนะนําหลีกเลี่ยงในช่วงสั้น ได้แก่ กลุ่มโรงไฟฟ้า ที่เตรียมเผชิญกับต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นอีกครั้ง รวมถึงกลุ่มที่อิงกับ ภาคอุปสงค์ภายในประเทศ โดยเฉพาะภาคการบริโภคทีเราเห็น สัญญาณอ่อนแอต่อเนื่องในช่วงหลัง ไม่ว่าจะเป็นสภาพคล่องที่ หายไป การขาดตอนของนโยบายการคลัง ภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่สูง และสูงขึ้นจากภาวะดอกเบี้ยที่สูงขึ้น มองราคาน้ํามันดิบที่อยู่สูงและ Surprise ใครหลายคนในช่วงนี้ จะเป็นความเสี่ยงสําคัญต่อภาระค่า ครองชีพในช่วงถัดไป มองเป็น Sentiment ที่ไม่ดีนักต่อกลุ่มที่ เกี่ยวข้องอย่าง ค้าปลีก ธนาคาร อสังหาฯ และสื่อฯ เป็นต้น
• Factors: สําหรับปัจจัยที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่
1) ปัจจัยภายในมองไปยังการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/66 ของ บริษัทจดทะเบียนซึ่งจะเริ่มหนาแน่นมากขึ้น โดยคงจะต้องดูว่าส่วน ใหญ่ออกมา Surprise ทางด้านบวกหรือด้านลบ และจะน่ามาสู่การปรับ ประมาณการกําไรของนักวิเคราะห์ในตลาดมากน้อยขนาดไหน โดยที ล่าสุด เรายังคงเห็นสัญญาณ Downgrade เกิดขึ้นในตลาดอย่าง ต่อเนื่อง
2) ส่วนปัจจัยภายนอกที่สําคัญ มองไปยังรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนก.ค.ในวันที่ 10 ส.ค. ซึ่งล่าสุดตลาดคาดการณ์ Headline CPI จะขยายตัวที่ระดับ 0.2% MoM และ 3.3% YoY ในขณะที่ Core CPI จะขยายตัวที่ 0.2% MoM และ 4.8% YOY ตามล่าดับ หากตัวเลขจริง ออกมาสูงกว่าคาดู จะทําให้นักลงทุนยกระดับคาดการณ์ Fed Funds futures ในตลาดขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่า ณ ขณะนี้ นักลงทุนให้นํ้าหนักเพียง 30% เท่านั้น ที่ Fed จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย อีกในการประชมที่เหลืออยู่ของปีนี้
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities