🏃 คว้าข้อเสนอ Black Friday ก่อนใคร รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ตอนนี้!รับส่วนลด

รอจังหวะ Rebound 

เผยแพร่ 29/06/2566 09:18
SETI
-

SET Index ปรับตัวลดลงต่อเนื่องในช่วง 8 วันทำการที่ผ่านมาโดยปรับลดลงรวม 92 จุด คิดเป็น 6% ทั้งนี้เป็นผลจากภาวะที่ขาดความเชื่อมั่นเฉพาะอย่างยิ่งจาก ปัจจัยการเมือง เห็นได้จาก Fund Flow ทีไหลออก และเงินบาทที่อ่อนค่าจนล่าสุด มาอยู่ที่ 35.57 บาท/USD การปรับตัวลดลงดังกล่าวทำให้เกิดภาวะ Oversold อย่างรุนแรง และเปิดโอกาสให้เกิด Technical Reboundขึ้นมาได้ในระยะต่อไป ซึ่ง หากนำไปเทียบเคียงกับกรอบเวลาทางการเมือง ที่จะมีการเปิดสมัยประชุม รัฐสภา 3 ก.ค.66 และเริ่มกระบวนการในการโหวตเลือกประธานสภาฯ และ นายกรัฐมนตรี เราประเมินว่าในช่วงเวลาดังกล่าว สถานการณ์ทางการเมืองรอบ นี้น่าจะสุกงอมเต็มที่ และน่าจะเปิดโอกาสให้ SET Index Rebound กลับได้ อย่างไรก็ตามสำหรับการลงทุนระยะยาวที่ 1480 จุดลงมาเป็นพื้นที่ซื้อลงทุน

SET Index อยู่ในภาวะที่ Oversoldเต็มที่ รอจังหวะที่จะ Rebound กลับ ซึ่งเชื่อว่า จะเกิดขึ้นหลังสถานการณ์การเมืองสุกงอมเต็มที่ วันนี้คาด SET Index อยู่ใน กรอบ 1450 –1480 จุด หุ้น Top Pick เลือก GULF, JMTและ SNNP

Fed ส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย ยิ่งเพิ่มความเสี่ยง เศรษฐกิจ Recession

วานนี้ประธาน Fed ได้มีการกล่าวในงานเสวนาประจำปีของ ECB ที่จัดขึ้นในเมืองซิง ตรา ประเทศโปรตุเกส โดยใจความสำคัญยังคงย้ำว่าจะไม่ปิดประตูในการขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งติดต่อกัน เนื่องจากมองว่าตลาดแรงงานสหรัฐในปัจจุบันยังแข็งแกร่ง ซึ่งเป็น กำลังสำคัญต่อการขับเคลื่อนภาคการบริโภค และอาจกระตุ้นให้เงินเฟ้อกลับมาเร่ง ตัวอีกครั้ง โดย Dot Pot คาดว่าเพดานดอกเบี้ยสหรัฐจะพุ่งสูงไปเตะ 5.6% (เดิมคาด 5.1%)

ส่วนประเด็นภาพรวมอุตสาหกรรม Bank สหรัฐฯ ยังค่อนข้างแข็งแกร่ง ซึ่งสอดคล้อง กับผลการรายงานของคณะกรรมการ Fed ที่เผยว่าธนาคารขนาดใหญ่ได้ผ่านการ ทดสอบความแข็งแกร่งของธนาคารประจำปี (Stress Test) เนื่องจากมีเงินทุนเพียง พอที่จะผ่านช่วงที่เกิดเศรษฐกิจถดถอยไปได้

ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หนุนให้ Dollar Index ดีดตัวขึ้นมา ยืนเหนือ 103 จุด (+0.13%) และเป็นปัจจัยภายนอกที่กดดันเงินบาทปิด 35.56 บาท/ USD อ่อนค่ามากสุดในรอบ 7 เดือน ผ่านแนวต้านสำคัญที่ 35.50 บาท/USD ทำให้มี แนวโน้มเตรียมขยับไปที่ 36.00 บาท/USD เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยที่ยืนอยู่ในระดับสูง ท่ามกลางสัญญาณการชะลอตัว ทางเศรษฐกิจที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ล้วนเป็นปัจจัยเร่งให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะ Recession ปลายปีนี้ โดยในช่วงที่สหรัฐเกิดวิกฤตมักกดดันหุ้นโลกให้ร่วงลงแรง

สรุป อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่มียังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หนุนดอลลาห์แข็งค่า และเป็นหนี่ง ในปัจจัยที่กดดันเงิบบาทให้อ่อนค่า ขณะเดียวกันดอกเบี้ยที่ยืนอยู่ในระดับสูง อาจเร่ง ให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะ Recession ปลายปีนี้

ตลาดหุ้นไทยลงติดต่อกันนานถึง 8 วัน แต่เริ่มมีสัญญาณบวก จาก Fund Flow เล็กๆ

วานนี้ตลาดหุ้นไทยลงต่อ 11.17 จุด หรือ -0.76%และเป็นการปรับตัวลงมาแล้ว 8 วัน ติดต่อกัน -92 จุด หรือ -5.9% กดดันให้ SET Index ลงมาอยู่ที่ 1466.93 จุด เป็น ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี 5 เดือน

ขณะที่วันนี้ช่วงท้ายตลาดหุ้นอาจมีความผันผวนจากการ Rollover สัญญาFutures เพราะในไตรมาสที่ 2 นี้ต่างชาติมีการชอร์ตสุทธิสะสมสูงถึง 1.1 แสนสัญญา (QTD) อย่างไรก็ตามวานนี้มีสัญญาบวกเล็กๆ จากการที่ต่างชาติสลับเข้ามาซื้อสุทธิหุ้นไทย 505 ล้านบาท หลังจากขายสุทธิติดต่อกันมา 10 วันทำการ

ขณะที่ภาพรวมตลาดเริ่มเห็นการ Rotation หรือขายจากหุ้นที่เคยขึ้นมาแรงในวานนี้ อย่างกลุ่ม ETRON -2.8% AUTO -2.6% BANK -2.1% มาสู่หุ้นที่ลงมาลึก โดยเฉพาะหุ้นกลัวผลกระทบนโยบายก้าวไกล เริ่มฟื้นกลับมาบ้าง

ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ยังคงแนะนำ Trading หุ้นกลัวผลกระทบนโยบายก้าว ไกล เหมือนเดิม โดยแบ่งหุ้นออกมาเป็น 4 กลุ่มดังนี้

1. หุ้นต้นทุนค่าแรง รายได้อิงโครงการภาครัฐ STEC, CK, BEM

2. หุ้นหวังพึ่งกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม SAWAD, CBG, JMT, TIDLOR

3. หุ้นทุนผูกขาด TRUE, CRC, CPAXT, CPN, CPALL (BK:CPALL)

4. หุ้นได้รับผลกระทบปรับสูตรค่าไฟฟ้า GULF, BGRIM, GPSC, PTTGC

มุมมองต่อการปรับตัวลงของ SETBANK วานนี้

SETBANK วานนี้ปรับตัวลงราว 2% จากวันก่อนหน้า (DoD) ถือว่า Underperformed SET Index ที่ลดลงราว 0.8% DoD นำโดย TTB (-3.77% DoD), BBL (-3.72% DoD), SCB (-2.4% DoD) จากการตรวจสอบข้อมูลผ่านทาง IR หุ้น ในกลุ่มฯ รวมถึงข่าวจากช่องทาง Bloomberg และ ธปท. ยังไม่พบปัจจัยลบอย่างมีนัย ฯ ต่อราคาหุ้น ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงประเมินว่า ด้วยความที่ SETBANK ช่วงที่ผ่านมา ค่อนข้าง Outperformed SET Index พอสมควร (ยกเว้น KBANK (BK:KBANK) และ KKP ที่ให้ ผลตอบแทน YTD ติดลบและแพ้ตลาด) โดยเฉพาะ ธ.พ. ใหญ่ อย่าง TTB และ BBL ที่ Outperformed กลุ่มฯ เด่นชัด ก่อนปรับฐานวานนี้บวกประมาณ 10% YTD ตรงข้าม กับ SET Index ซึ่งติดลบราว 10% YTD จึงมีความเป็นไปได้ว่าเกิดการปรับพอร์ต ของนักลงทุน (Sector Rotation) ประกอบกับภาวะตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกที่ผัน ผวนตลอดงวด 2Q66 อาจสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนเกี่ยวกับรายการวัดมูลค่า สินทรัพย์ลงทุน (บันทึกใน Non - NII) อย่าง FVTPL ของแต่ละธนาคาร

ทั้งนี้ เงินลงทุนที่จัดประเภทเป็น FVTPL ประกอบด้วยสินทรัพย์หลายประเภท รวมถึง รายการ FX ที่ทำให้กับลูกค้า ดังนั้นรายการดังกล่าวจึงค่อนข้างผันผวนและอาจไม่ได้ มีความสัมพันธ์กับภาวะตลาดสินทรัพย์เสี่ยงมากนัก โดย FVTPL กลุ่มฯ งวด 1Q66 อยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท (5% ของรายได้รวมกลุ่มฯ) และมีค่าเฉลี่ยตั้งแต่ 1Q63 – 1Q66 อยู่ที่ 9.4 พันล้านบาทต่อไตรมาส และ S.D. ราว 3.6 พันล้านบาทต่อไตรมาส

ขณะที่ประเด็นการถือหุ้นใน STARK ของ บลจ. บัวหลวง ตามที่ได้ปรากฎบน นสพ. ในประเทศ และได้มีการสอบถามกันมานั้น ไม่ได้มีผลต่องบการเงินของ BBL เนื่องจาก เป็นสินทรัพย์ที่ บลจ. บัวหลวง รับบริหารจัดการ ส่วนประเด็นเกี่ยวกับการตั้งสำรอง สำหรับสินเชื่อ STARK นั้น อิงจากการประชุมนักวิเคราะห์งวด 1Q66 บ่งชี้ว่าภาระหนี้ ส่วนใหญ่อยู่กับ KBANK และ SCB ตามลำดับ ซึ่งเป็นประเด็นที่ตลาดรับรู้แล้ว รวมทั้ง KBANK และ SCB ได้มีการเปิดเผยแนวทางบริหารจัดการการตั้งสำรองแล้ว โดยสิ่งที่ นักลงทุนควรติดตามต่อสำหรับกรณี STARK คือทั้ง 2 ธนาคารข้างต้น จะมีการ Write-off ในงวด 2Q66 เลยหรือไม่ มองว่าหากมีการ Write-off แล้ว น่าจะคลาย ความกังวลบางส่วนให้กับนักลงทุนได้

สำหรับภาพรวม NPL / Loan กลุ่มฯ (8ธนาคาร) ณ สิ้นงวด 1Q66 อยู่ที่ 3.56%ทรง ตัวจากสิ้นปี 2565 และยังต่ำกว่า Pre-COVID ที่ 3.73% แม้ยังคงมุมมองว่าทิศทาง NPL กลุ่มฯ ยังคงสูงขึ้นในช่วงที่เหลือของปี เหตุจากการฟื้นตัวในแต่ละกลุ่มลูกค้าไม่ เท่ากัน รวมทั้งการหมดมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาว (ผ่อนผันการจัดชั้น) ช่วงสิ้นปี 2566 อย่างไรก็ตามกลุ่มฯ มีการเตรียมระดับการตั้งสำรองเพื่อรองรับ ความเสี่ยงในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนจาก Coverage ratio กลุ่มฯ ณ สิ้นงวด 1Q66 ที่ 180.4% เพิ่มจาก 176.9% ณ สิ้นปี 2565และ 153.3 ณ สิ้นปี 2562

โดยฝ่ายวิจัยคงมุมมองกำไรสุทธิ 2Q66 สำหรับ ธ.พ. ใหญ่ ฟื้นตัว QoQ และ YoY จากปัจจัยหนุนด้านดอกเบี้ยตามการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อ ซึ่งราคา หุ้นในกลุ่มฯ ที่ปรับฐานลงมา ทำให้ Valuation จูงใจขึ้น สำหรับคำแนะนำหุ้นในกลุ่มฯ เลือก KTB (OUTPERFORM : FV@B20.3) จากพัฒนาการด้าน DIGITAL ผ่าน เป๋า ตัง และแนวโน้ม ROE ดีขึ้นต่อเนื่อง > BBL (OUTPERFORM : FV@B174) จาก COVERAGE RATIO สูงสุดในกลุ่มฯ > SCB (OUTPERFORM FV@B132) ราคา LAGGARD ธ.พ. ใหญ่อื่นๆ พร้อมคาด DIV YIELD 6% > KBANK (NEUTRAL : FV@B140) ส่วน ธ.พ. เล็กเลือก TISCO (NEUTRAL : FV@B108) ที่มี ROE และ DIV YIELD สูงสุดในกลุ่มฯ > KKP (UNDERPERFORM : FV@B73)

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย