Reducing risk prior to FOMC meeting
SET: คาดการณ์ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึง SET Index แกว่งตัว Sideways ในช่วงต้น สัปดาห์ เพื่อรอดูเหตุการณ์ใหญ่ในสัปดาห์นี้อย่างการประชุม FOMC ซึ่งจะทราบผล ในช่วงคืนวันพุธ ตามเวลาบ้านเรา ก่อนที่อาจจะปรับตัวย่อลงหลังจากนั้นจาก ปรากฏการณ์ Sell on fact ที่เกิดขึ้น และความผิดหวังที่อาจจะเกิดขึ้นหลังการประชุม (รายละเอียดด้านล่าง)
Strategy: ด้วยเหตุนี้ในเชิงกลยุทธ์ หากในช่วงต้นสัปดาห์ ดัชนี SET ปรับ น ไปแตะกรอบแนวด้านของเราที่ 1570 จุด แนะใช้เป็นจุดในการลดพอร์ตออกมา ก่อน หรือถ้าหากไม่ถึง ก็แนะนําให้นักลงทุนลดพอร์ตลงภายในวันที่ 14 มิ.ย. เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นหลังการประชุม Fed ครั้งนี้ น่าสนใจดังนี้
FOMC: ปัจจัยสําคัญที่สุดในสัปดาห์นี้คงหนีไม่พ้นการประชุม FOMC ซึ่งเรามีมุมมองที่
1) คาดการณ์ Fed จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ที่ระดับ 5.00-5.25% ซึ่ง น่าจะเป็นเหตุผลที่ทําให้เงิน USD และ UST Yield ทรงตัวบริเวณด่าในช่วงต้น สัปดาห์ผ่านคาดการณ์ Fed Funds futures ที่ให้น้ําหนักกับปัจจัยกล่าวมากขึ้น
2) เรามองว่าโอกาสที่จะมี Positive surprise จากการประชุมครั้งนี้เป็นไปได้ ยาก เนื่องจาก Fed คงไม่อยากจะปิดประตูสําหรับการขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหม่ในช่วง ถัดไป ส่วนการคงอัตราดอกเบี้ยเป็นสิ่งที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้แล้ว จึง ต้องระวังแรงขาย Sell on fact ในสินทรัพย์เสี่ยงออกมาหลังการประชุมด้วยเช่นกัน
3) ในทางกลับกัน เราประเมินว่าความผิดหวังมีโอกาสเกิดขึ้นได้ หากประมาณ การ Dot plots ที่ออกมาครั้งใหม่มีการปรับเพิ่มค่ากลางของปีนี้ขี้นจากเดิม ที่อยู่ ณ ระดับ 5.00-5.25% ในปัจจุบัน
Buse week: ส่วนปัจจัยที่น่าสนใจรองลงมาในสัปดาห์นี้ ได้แก่
1) รายงานตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) ของสหรัฐฯประจําเดือนพ.ค.ในวันที่ 13 มิ.ย. ซึ่ง ล่าสุดตลาดคาดการณ์ Headline และ Core ขยายตัวทีระดับ 4.1% YoY และ 5.3% YoY ตามลําาดับ แต่อย่างที่เรากล่าวไปในสัปดาห์ก่อนว่า ดูเหมือนตัวเลข เศรษฐกิจที่ออกมาเป็นบวกในเดือนนี้จะไม่มีอิทธิพลต่อคาดการณ์ของนักลงทุนที เริ่มเบื่อแล้วว่า Fed จะมีการคงดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย.นี้ ดังนั้น หากตัวเลขเงินเฟ้อนี้ออกมาสูงกว่าคาด มองก็คงจะไม่ได้มีผลกระทบใดๆ ต่อ Fed Funds futures มากนัก
2) ความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางจีน (PBOC) จะปรับลดดอกเบี้ย Medium term lending facility (MLF) ลงจากปัจจุบันที่ 2.75% ในวันที่ 15 พ.ค. หากเกิดขึ้นจริง จะถือเป็นการปรับลดครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2022 และอาจเป็น สัญญาณชี้น่าต่อไปยังการปรับลดดอกเบี้ยสําคัญอื่นๆถัดไป เช่น อัตราดอกเบี้ย เงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR)
3) การประชุมธนาคารกลางยุโรปในวันที่ 15 มิ.ย. ซึ่งล่าสุดตลาดคาดการณ์ว่าจะมี การปรับขึ้นดอกเบี้ยสําคัญทั้ง 3 ตัวในระดับ 0.25% แต่มีประเด็นที่น่าติดตาม มากกว่า นั่นก็คือ ECB จะมีการส่งสัญญาณหรือไม่ว่าวงจรขาขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้ใกล้ สิ้นสุดแล้ว โดยเฉพาะเมื่อมาประกอบกับประมาณการเศรษฐกิจและเงินเฟ้อรอบนี้ ที่น่าจะมีการปรับลงด้วยเช่นกัน
4) รายงานตัวเลขเศรษฐกิจสําคัญของจีนเดือนพ.ค.ในวันที่ 15 พ.ค. ทั้งยอดค้าปลีก และผลผลิตอุตสาหกรรม (ตลาดคาด +13.9% YoY และ 3.5% YoY) มองหาก ออกมาแย่กว่าคาดอาจเป็นเรื่องที่ดีต่อตลาดหุ้นจีน เนื่องจากจะยิ่งเพิ่มความ คาดหวังของนักลงทุนต่อประเด็นการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน เพิ่มเติม
5) การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (Bol) ในวันที่ 16 มิ.ย. ซึ่งคงจะไม่มีการ เปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบาย ทั้งในส่วนของอัตราดอกเบี้ย และนโยบาย Yield Curve Control (YCC)
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities