ปัจจัยการเมืองในประเทศถือเป็นปัจจัยหลักที่สร้างความผันผวนให้กับ SET Index และหากประเมินตามลำดับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแล้ว เชื่อว่ามีโอกาสที่จะเห็น ความผันผวนต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง โดยจากนี้ไปจนกว่าจะเปิดสมัยประชุมรัฐสภา ครั้งแรก (น่าจะเป็นสัปดาห์ที่ 1 หรือ 2 ของเดือน ก.ค.66) ตลาดฯ จะผันผวนไป ตามทิศทางกระแสข่าวบวก-ลบ บนความคาดหวังเรื่องการตั้งรัฐบาลและโหวต เลือกนายกรัฐมนตรี ส่วนปัจจัยภายนอก ความสนใจอยู่ที่การเจรจาปรับเพดานหนี้ ของสหรัฐฯ ซึ่งจนถึงปัจจุบันยังเป็นช่วงเจรจาต่อรอง หากไม่เห็นข้อสรุปที่ เหมาะสมก็เชื่อว่าจะสร้าง Sentiment เชิงลบต่อตลาดหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ อีก เรื่องหนึ่งที่น่าสนใจคือทิศทางของ Fund Flow ซึ่งยังเห็นแรงขายจากนักลงทุน ต่างชาติออกมาค่อนข้างแรง สวนทางกับการซื้อตราสารหนี้ในช่วงที่ผ่านๆ มา
ประเมินจากปัจจัยแวดล้อมดังกล่าวมาข้างต้น เป็นไปได้ที่จะเห็น SET Indexอยู่ใน ความผันผวนไปอีกระยะหนึ่ง SET Index มีแนวรับบริเวณ 1507-1520 จุด แนว ต้าน 1545 จุด Top Pick เลือก ADVANC, MAJOR และ TTCL
ความกังวล DEBT CEILING สหรัฐผ่อนคลาย
แต่ภาวะ RECESSION อาจยังรออยู่ข้างหน้า วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้นมาแรงราว +1.2% ถึง +2.2% สวนทางกับ CDS สหรัฐ ที่เริ่มปรับตัวลดลง หลังความกังวลต่อการผิดนัดชำระหนี้สหรัฐฯ ผ่อนคลายมากขึ้น โดย ปธน. โจ ไบเดน และ ประธาน สส. เควิน แมคคาร์ธี เห็นพ้องกันและตั้งเป้าที่จะบรรลุ ข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้ภายในวันอาทิตย์นี้(21 พ.ค.)
หากอ้างอิงจากแผนงบประมาณเดิมที่ ส.ส. ได้ผ่านร่างกฎหมายแล้ว จะต้องเพิ่มเพดาน หนี้ 1.5 ล้านล้านเหรียญฯ เพื่อแลกกับการลดค่าใช้จ่ายจากนโยบายต่างๆ ของภาครัฐที่ เคยหาเสียงไว้ อาทิ การให้กู้เพื่อการศึกษา, มาตรการสนับสนุนอุตสาหกรรมพลังงาน หมุนเวียน, เงินช่วยเหลือช่วงที่เกิดโควิด ฯลฯ โดยรวมจะอยู่ที่ 4.5 ล้านล้านเหรียญฯ ภายในระยะเวลา 10 ปีนอกจากนี้Moody Analytics ยังประเมินว่า หากสหรัฐมีการ ขยายเพดานหนี้จะส่งผลให้ในช่วง 4Q66-4Q67 GDP ของสหรัฐปรับตัวลดลง 0.07% - 0.7% ส่วนการจ้างงานมีโอกาสปรับตัวลงเช่นกันราว 67 - 569 ล้านคน เมื่อเทียบกับการ ดำเนินนโยบายแบบปกติที่ไม่มีการขยายเพดานหนี้
แต่ในทางกลับกันหากร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้ไม่ถูกรับรองก่อนครบกำหนดวันชำระ หนี้ (1 มิ.ย.) ก็อาจเป็นปัจจัยที่เข้ามากดดันตลาดหุ้นได้อีกครั้ง และอาจกระตุ้นความ เสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะ Recession ในระยะข้างหน้าได้ จึงต้องติดตามตัวเลข ทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด
สรุป ความกังวลต่อการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐฯ ผ่อนคลายมากขึ้น หลังการรับรอง ขยายเพดานหนี้มีความเป็นปได้สูงที่จะบรรลุข้อตกในอาทิตย์นี้ จึงกลายเป็น Sentiment เชิงบวกที่เข้ามาช่วยหนุนตลาดหุ้นในช่วงสั้นๆ อย่างไรก็ตามความเสี่ยง เรื่อง Recession ที่รออยู่ข้างหน้ายังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นปัจจัยที่ มักจะกดดันสินทรัพย์เสี่ยง
YIELD CURVE ไทยปรับตัวขึ้น สอดรับการขึ้นดอกเบี้ยของ กนง. สิ้น เดือนนี้
หลังตัวเลข GDP ในช่วง 1Q66 ประกาศออกมาเติบโต +1.9%QoQ และ +2.7%YoY สูง กว่าตลาดคาดที่ +1.8%QoQ และ +2.3%YoYโดยมีแรงหนุนจากทั้งภาคการท่องเที่ยวที่ ฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ และการบริโภคของประชาชนในช่วงต้นปี ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจ สามารถกลับมายืนเหนือสมมุติฐานระดับก่อนเกิดโควิดได้แล้ว บวกกับ Yield Curve ตราสารหนี้ไทยที่ยกขึ้นสำหรับอายุ 3 เดือน – 2 ปีตั้งแต่ต้นเดือน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
• ตราสารหนี้อายุ 3 เดือน ปรับขึ้นจาก 1.61% สู่ 1.75%
• ตราสารหนี้อายุ 6 เดือน ปรับขึ้นจาก 1.70% สู่ 1.82%
• ตราสารหนี้อายุ 1 ปี ปรับขึ้นจาก 1.80% สู่ 1.94%
• ตราสารหนี้อายุ 2 ปี ปรับขึ้นจาก 1.90% สู่ 2.01%
ประเด็นดังกล่าว ทำให้นักลงทุนกังวลการประชุม กนง.วันที่ 31 พ.ค.66 จะมีการปรับขึ้น ดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งจาก 1.75% สู่ 2.00% อ้างอิงจากตราสารหนี้อายุ 1 ปีที่ปรับตัวขึ้นเข้า ใกล้สู่ระดับ 2.00% ซึ่งฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่าการขึ้นดอกเบี้ยตามกลไกเป็นตัวจำกัด Upside ของตลาดหุ้นไทยให้แคบลง กดดันตลาดหุ้นช่วงสั้นๆ แต่ในเชิงเปรียบเทียบ ดอกเบี้ยนโยบายไทยยังต่ำกว่าหลายๆประเทศ พร้อมกับกำไรบริษัทจดทะเบียนปีนี้มี แนวโน้มเติบโตเด่น 12% สอดคล้องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ
โดยกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์ มีดังนี้
• กลุ่มธนาคารพาณิชย์BBL KBANK (BK:KBANK) SCB KTB
• กลุ่มประกัน BLA THRE THREL
• กลุ่มที่มีต้นทุน หรือหนี้สินสกุลเงินต่างประเทศ GULF, BGRIM, EGCO PTT (BK:PTT), PTTEP, PTTGC, BA, AAV
สรุป กนง.มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมสิ้นเดือนนี้ คาดเป็นตัวกดดัน SET Index ช่วงสั้น อย่างไรก็ตามภาพรวมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และฟื้นตัวเด่นกว่าประเทศอื่นๆ บวกกับช่วงที่ผ่านมา SET Index ปรับตัวลงแรงจากช่วงเปลี่ยนผ่านของชุดรัฐบาล จน Valuation เริ่มน่าสนใจ แนะนำทยอยสะสมหุ้นใหญ่พื้นฐานดีเข้าพอร์ต อาทิ KBANK BBL GULF BGRIM PTT PTTGC เป็นต้น
ค้นหาหุ้น 2 สไตล์...รับมือตลาดย่อตัวแรง
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมา 5 วันทำการติดต่อกัน กดดันให้ SET Index ที่เคยบวกกว่า 3% ในเดือน พ.ค.นี้ พลิกกลับมา -0.42% mtd โดยมีหุ้นขนาดใหญ่หลายบริษัทถูกกดดัน แรงมากกว่าปกติ ส่วนหนึ่งเกิดจากความกังวลเสถียรภาพทางการเมือง รวมถึงรอดูความ ชัดเจนของนโยบายทางเศรษฐกิจ และเปลี่ยนผ่านไปสู่นโยบายใหม่จะราบเรียบหรือไม่ ?
ดังนั้นในช่วงรอการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่ ทำให้ประเมินทิศทางตลาดได้ยาก แต่มีการเท ขายหุ้นออกมาเยอะใรระยะเวลาสั้นๆ ทำให้มีหุ้นหลายบริษัทลงมาลึก ฝ่ายวิจัยจึงทำการ ค้นหาหุ้น 2 สไตล์...รับมือตลาดย่อตัวแรงในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล คือ
1. หุ้นพื้นฐานดี สำหรับสะสมลงทุนระยะกลางยาว (เสี่ยงต่ำ) แนะนำหุ้น Valuation ถูกต่ำ Book (PBV66F
2. หุ้นซิ่งลงลึกกว่าปกติ หวังเวลาฟื้นดีดกลับเร็ว สำหรับ Trading สั้นๆ (เสี่ยง สูง) แนะนำหุ้นเดือน พ.ค. mtd ลงลึกกว่าปกติ และมี Beta สูง ปกติจะดีดกลับ ได้แรง คือ PTTGC, HANA, AMATA, GUNKUL, KCE, GPSC, GULF
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities