Tourism / SCGP / SFLEX
• Strategy: ในเชิงกลยุทธ์ หลังจากที่ได้เพิ่มนํ้าหนักการลงทุนวานนี้ที่ดัชนี ต่ากว่า 1550 จุด แนะน่าถือครองหุ้นในส่วนดังกล่าวไว้ก่อน เพื่อคาดหวัง จากปรากฏการณ์ Buy on Fact หลังการประชุม Fed และปรากฏการณ์ Election rally ก่อนหน้าการเลือกตั้ง สําหรับปัจจัยวันนี้ แนะน่าติดตามรายงานตัวเลข ส่งออก-น่าเข้าของไทยประจําเดือนมีนาคม ซึ่งล่าสุดตลาดคาดการณ์หด ตัวที่ระดับ 14.7% และ 4.4% ตามล่าดับ ส่งผลให้ดุลการค้าน่าจะขาดดุล ต่อไปที่ระดับ 1 พันล้านเหรียญฯ การปรับตัวที่ดีขึ้นของดัชนีในช่วงครึ่งแรกของเดือนพ.ค.
• Tourism: วานนี้ททท.รายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติประจําเดือน มีนาคม ระดับ 2.2 ล้านคน ดีขึ้น 5% จากเดือนก่อน และดีกว่าในเดือน มกราคม ถือเป็นการสะท้อนภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยใน เดือนมีนาคม มีจํานวนนักท่องเที่ยวชาวจีนทั้งสิ้นอยู่ที่ 2.7 แสนคน เพิ่มขึ้น จากเดือนก่อนที่ 1.6 แสนคน คิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 73% มองเป็นปัจจัย บวกต่อหุ้นในกลุ่ม Tourism-related ต่อไป ซึ่งหากเน้นไปยังโรงแรมที่มี ธุรกิจหลักในไทย ยังคงชื่นชอบ ERW มากที่สุด แนะนํา “ซื้อเก็ง กําไร" ที่ราคาเป้ามายเดิม 5.20 บาท
• SCGP: ในเชิงพื้นฐาน คงคําแนะนําา “Trading Buy” ที่ราคา เป้าหมายเดิม 58 บาท บริษัทประกาศกําไร 1Q23 ที่ 1.2 พันล้านบาท ฟื้นตัว QoQ ตามที่เราและตลาดคาด หลังต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวลดลง มอง แนวโน้มที่เหลือของปีนี้จะค่อย ๆ ฟื้นตัว โดย Demand ในธุรกิจบรรุภัณฑ์ แบบครบวงจรเริ่มฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดจากการบริโภคของประเทศจีนที่ เพิ่มขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน Supply ก็ปรับเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน จึงส่งผลให้ ราคาขายยังมีแนวโน้มที่ทรงตัว ล่าสุด ประกาศดีลจับมือ SFLEX ลงทุน เข้าซื้อหุ้นบริษัท Starprint Vietnam Joint Stock Company (SPV) ขยาย ธุรกิจปลายน้า กล่องกระดาษ และ Flexible Packaging
• SFLEX: เรามีมุมมอง 'เชิงบวก' กับการประกาศ JV กับ SCGP เข้าลงทุน ในบริษัท SPV ในสัดส่วนไม่เกิน 25% โดยที่ทาง SCGP จะถือหุ้นใน สัดส่วนไม่เกิน 70% ทั้งนี้ บริษัท SPV เป็นบริษัทชั้นนําด้านการผลิตกล่อง บรรจุภัณฑ์แบบพับได้ กล่องบรรจุภัณฑ์คงรูปคุณภาพสูง และบรรจุภัณฑ์ที่ เน้นความสวยงาม มีคุณภาพการพิมพ์ที่โดดเด่น ธุรกรรมข้างต้นคาดว่าจะ เสร็จสิ้นภายในไตรมาส 3 ปี 2566 และเริ่มรับรู้รายได้ทันทีหลังจากธุรกรรม • เรามองเวียดนามเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และมีการเติบโตของการใช้บรรจุ แล้วเสร็จ
ภัณฑ์ค่อนข้างสูง นอกจากนี้ฐานลูกค้ายังเป็นฐานลูกค้าในกลุ่มเดียวกันจึง ทําให้บริษัทสามารถน่าเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็น Flexible packaging ซึ่งเป็น จุดแข็งของบริษัทได้ทันที นอกจากนี้ต้นทุนฟิล์มสําเร็จรูปของประเทศ เวียดนามค่อนข้างต่ําซึ่งจะช่วยให้บริษัทมี Margin ที่สูงขึ้น จากข้อมูลที่ ได้รับ เราคาดว่าบริษัทฯ จะมีการรับรู้กําไรบางส่วนได้ในไตรมาส 4 ประมาณ 8.5 ล้านบาท และจะรับรู้กําไรเต็มปีในปี 67 ประมาณ 34 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 4.5% และ 15.6% จากประมาณการก่าไรปี 66 และ 67) เบื้องต้น คงคําแนะน่า “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 5.25 บาท แต่มีแนวโน้มปรับราคาเป้าหมายขึ้นในอนาคต หลังน่ากําไรของ SPV เข้าไปรวมในประมาณการ
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities