HMPRO / Hawkish BoT / BANK 1Q23 recap
• SET: คาด SETแกว่งตัวผันผวนแคบต่อไป ซึ่งเป็นลักษณะที่เกิดขึ้นกับ ตลาดหุ้นทั่วโลกตอนนี้ ในช่วงที่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในโหมด Wait & See เพื่อรอดูความชัดเจนที่เกิดขึ้นจากการประชุม Fèd ที่รออยู่ ในช่วงต้นเดือนพ.ค. อย่างไรก็ดี เราไม่คิดว่าการประชุม Fed ครั้งนี้จะมี Negative surprise ต่อตลาดแต่อย่างใด ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยที่ทําให้ เกิดปรากฏการณ์ Buy on fact ในตลาดหลังจากการประชุมเสร็จสิ้นได้ เมื่อมาประกอบกับปรากฏการณ์ Election rally ในตลาดหุ้นไทยที่มักเกิด ก่อนการเลือกตั้งจริงราว 2 สัปดาห์ มองว่าตลาดหุ้นไทยจะสามารถปรับตัว สูง นไดในช่วงครึ่งแรกของเดือนพ.ค.ที่จะถึงนี้
• Strategy: ด้วยเหตุนี้ ในเชิงกลยุทธ์ หากดัชนี SET ปรับตัวลงสู่ระดับ แนวรับสําคัญของเราเดือนนี้ที 1550 จุดอีกครั้ง มองเป็นโอกาสใน การเพิ่มนํ้าหนักหุ้นที่น่าสนใจ โดยกลุ่มที่เรายังคงแนะนําา Overweight ในช่วงนี้ ได้แก่ กลุ่มธนาคาร (รายละเอียดด้านล่าง) กลุ่มโรงพยาบาล และกลุ่มค้าปลีกเป็นสําคัญ HMPRO: สําหรับตัวหุ้นที่ออกงบฯมาล่าสุดได้แก่
• HMPRO ซึ่งเราออก บทวิเคราะห์วันนี้แนะนํา “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายเดิม 18 บาท ประเมิน กําไร 1Q23 ออกมาใกล้เคียงตลาคาด โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัว ของการบริโภคภายในประเทศ มาตรการ 'ช้อปดีมีคืน' การจัด HomePro Expo กิจกรรม Double day และกิจกรรมส่งเสริมการขายทางออนไลน์ ในส่วนของอัตรากําไรขั้นต้นนั้น สามารถทรงตัวได้เมื่อเทียบ YoY และ QoQ ส่วน SG&A/Sales เพิ่มขึ้นเล็กน้อย YoY แต่ลดลงเมื่อเทียบกับไตร มาสก่อน จากค่าไฟที่ลดลงเนี่องมาจากการติด Solar Rooftop เพิ่ม ทั้งนี้ กําไร 1Q23 คิดเป็น 24% ของประมาณการกําาไรทั้งปีที่เราคาดการณ์
• BANK iQ23 recap: กําไร 1Q23 โดยรวมของธนาคาร 6 ตัวที่เราดูแล (BBL, KBANK (BK:KBANK), KTB, SCB, TTB, TISCO) ปรับตัวดีขึ้นมากทั้ง QoQ และ YoY และดีกว่าที่เราคาดไว้ก่อนหน้าราว 10% ปัจจัยหนุนหลักในไตร มาสนี้มาจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย โดยเฉพาะก๋าไรจากการวัดมูลค่าเงิน ลงทุน ซึ่งคาดว่าเป็นผลจาก Bond yield ที่ปรับตัวลดลง ขณะเดียวกัน มองปัจจัยบวกแบบ Recurring ในช่วงถัดไปได้แก่ NIM ที่ปรับตัวดี ขึ้นโดยเฉพาะในฝั่งธนาคารขนาดใหญ่ ตามทิศทางดอกเบี้ยนโยบายที่เรา ประเมินว่าจะมีการปรับขั้นต่อได้อีก 0.25% ในการประชุมกนง.เดือนพ.ค.นี้ ทั้งนี้ ในส่วนของการตั้งสารองนั่น พบว่าใน 1Q23 ธนาคารส่วนใหญ่มีการตั้งสํารองหนี้ค่อนข้างสูง แต่ NPL ไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้น ตามในสัดส่วนเดียวกัน ดังนั้นมองเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งผ่าน การเพิ่ม Management Overlay ขึ้นตาม ซึ่งจะทําให้โอกาสในการเกิด Negative surprise ในแง่ผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีมี น้อยลงเช่นเดียวกัน คงคําแนะนําา “Overweight” กลุ่มธนาคาร โดยให้ BBL และ KTB เป็น Top pick ของกลุ่มต่อไปเช่นเดิมที่ราคา เป้าหมาย 181 บาทและ 25 บาทตามล่าดับ
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities