สัปดาห์นี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินของเฟด นอกจากนี้ อีกไฮไลท์สำคัญ คือ ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งจะเป็นการประชุมครั้งแรกของผู้ว่าฯ BOJ คนใหม่ และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน
**ราคาทองคำ = สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย
FX Highlight
-
แม้เงินดอลลาร์จะผันผวนและย่อตัวลงในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เราคงมองว่า เงินดอลลาร์ยังพอมีแรงหนุนฝั่งแข็งค่าอยู่บ้าง หากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ สนับสนุนให้ผู้เล่นในตลาดเชื่อว่าเฟดจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง หลังการประชุมเดือนพฤษภาคมและอาจคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงได้นานกว่าคาด
-
อีกปัจจัยที่อาจมีผลกับเงินดอลลาร์ได้ คือ บรรยากาศในตลาด (Risk Appetite/Sentiment) ซึ่งจะขึ้นกับรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะบริษัทเทคฯ ใหญ่ฝั่งสหรัฐฯ อาทิ Microsoft, Alphabet, Meta, Amazon และ Intel
-
หากตลาดผิดหวังกับรายงานผลประกอบการ ก็อาจกดดันให้ตลาดอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง ซึ่งเงินดอลลาร์ก็มีโอกาสแข็งค่าขึ้น แต่ราคาทองคำก็อาจปรับตัวขึ้น ตามความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยได้เช่นกัน ทำให้ทิศทางของเงินบาทจะขึ้นกับฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ
-
โดยในส่วนฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาตินั้น เราประเมินว่า แรงขายหุ้นไทยอาจเริ่มจำกัดลง หลังดัชนี SET ได้ย่อตัวลงใกล้โซนแนวรับ แต่แรงขายบอนด์อาจยังพอมีอยู่บ้าง เพราะนักลงทุนต่างชาติต่างรอเข้าซื้อในจังหวะยีลด์ปรับตัวขึ้น
-
ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม BOJ ซึ่งผู้เล่นในตลาดเริ่มคาดหวังว่า BOJ อาจส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวขึ้นได้ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงตามคาด เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ก็มีโอกาสผันผวนแข็งค่าขึ้นได้
-
นอกจากนี้ เงินบาทยังมีโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติ (ไม่น้อยกว่า 300 ล้านดอลลาร์) และโฟลว์ซื้อเงินดอลลาร์ปลายเดือนของฝั่งผู้นำเข้า เป็นปัจจัยกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่า
-
ในเชิงเทคนิคัล ทั้งสัญญาณจาก RSI และ MACD ยังคงสะท้อนว่า เงินบาทมีโอกาสแกว่งตัว sideways up และหากเงินบาทยังสามารถแกว่งตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย EMA 50 วัน ได้ ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสเงินบาทแกว่งตัวในฝั่งอ่อนค่า ทดสอบโซน 34.50-34.60 บาทต่อดอลลาร์
Gold Highlight
-
ราคาทองคำมีความเสี่ยงที่จะย่อลงทดสอบโซนแนวรับได้ โดยต้องรอจับตา 1) บรรยากาศในตลาดการเงิน ที่จะขึ้นกับรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน และ 2) มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของเฟด (รอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ)
-
ความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนว่า ผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ก็อาจรอจังหวะการย่อตัวลงของราคาทองคำ เพื่อรอทยอยเข้าซื้อสะสมทองคำ โดยเฉพาะในช่วงโซน 1,980-1,990 ดอลลาร์ต่อออนซ์
-
หากราคาทองคำปรับตัวหลุดโซนแนวรับดังกล่าว ก็อาจทยอยปรับตัวลดลงสู่โซนถัดไปแถว 1,960-1,970 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ไม่ยาก
-
แต่เรามองว่า โอกาสที่ราคาทองคำจะปรับตัวลงแรงชัดเจนอาจมีไม่มากนัก เพราะหากมองว่า ราคาทองคำจะเผชิญแรงกดดันจากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ก็ต้องอาศัยข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาดชัดเจน จนทำให้ตลาดเชื่อว่าเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยต่อในเดือนมิถุนายนหรืออย่างน้อยเฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยจนถึงสิ้นปี
-
ในเชิงเทคนิคัล สัญญาณจาก RSI และ MACD ชี้ว่า ราคาทองคำมีโอกาสย่อตัวลงต่อเนื่องได้ในช่วงนี้
-
อย่างไรก็ตาม เราคงมุมมองที่เป็นบวกต่อราคาทองคำ (เป้า 2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์) ทำให้เรายังคงมองว่า ผู้เล่นในตลาดอาจรอจังหวะราคาทองคำปรับฐานในการทยอยเข้าซื้อได้ โดยผู้เล่นอาจทยอยแบ่งไม้เข้าซื้อในโซนแนวรับ 1,980 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาหลุดแนวรับแถว 1,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ผู้เล่นในตลาดอาจชะลอการซื้อ (Cutloss แถว Fibo 38.2% หรือ 1,915 ดอลลาร์ต่อออนซ์) เพื่อประเมินภาพตลาดอีกครั้ง