Still in favor of HELTH, COMM and BANK SET:
• SETIndex ยังคงถูกกดดันจากปัจจัยด้าน Valuation เป็นสําคัญ รวมถึงภาวะ Wait & See ที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นทั่วโลก หลังจากที่นักลงทุน รอดูความชัดเจนที่จะเกิดขึ้นจากการประชุม Fed ที่รออยู่ต้นเดือนหน้านี้ ใน ยังคงแนะนําการถือครองหุ้นในส่วนที่ได้เข้าซื้อไปที่บริเวณ เชิงกลยุทธ์ ดัชนี 1580-1600 จุด ซึ่งเป็นบริเวณแนวรับแรกของเราเดือนนี้ ส่วนแนวรับ สําคัญยังคงไว้ที่ระดับ 1550 จุด
• Sector allocation :สําหรับกลุ่มที่ชื่นชอบยังคงได้แก่ กลุ่มที่อยู่ในธีม Election rally แลมักเป็นกลุ่มที่มักทนทานต่อแรงกดดันเงินเฟ้อได้ดี ได้แก่ กลุ่ม โรงพยาบาล ค้าปลีก และธนาคาร โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารนั้น ภาพของผลประกอบการ 1Q23 ที่ทยอยออกมาล่าสุดถือว่าดีกว่าที่เราคาด ทําให้เราจําเป็นต้องทยอยปรับเพิ่มประมาณการกําไรของกลุ่มขึ้นมาแล้ว ซึ่งคาดว่าจะทําให้ Performance ของกลุ่มปรับตัวแข็งแกร่งกว่าตลาด ที่เรายังคงเห็นการปรับลดประมาณการสวนทางในภาพรวม
• KTB: ปรับเพิ่มประมาณการกําไรปี 2566-2567 ขึ้นราว 5% จากประมาณ การก่อนหน้ามาอยู่ที่ 39,486 ล้านบาท (+17% YoY) และ 43,471 ล้านบาท (+10% YoY) เพื่อสะท้อนแนวโน้ม NIM ที่ดีกว่าคาดเดิม ส่งผล ให้ราคาเป้าหมายของเราถูกปรับเพิ่มจาก 22 บาทเป็น 25 บาท แนะนํา “ซื้อ” ผลการดําเนินงาน 1Q23 ที่ออกมาถือว่าดีกว่าคาดเกือบทุก ด้าน โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับตัวดีขึ้น 4% QoQ แม้ว่าสินเชื่อจะอ่อนตัว ลงเล็กน้อย แต่การปรับเพิ่มดอกเบี้ยเงินกู้ลอยตัวส่งผลให้ NIM ปรับตัวดี ขึ้นราว 14 bps ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายสํารองหนี้เพิ่มขึ้น 8% QoQ แต่คาดว่าเป็น การตั้งสํารองส่วนเกินเพิ่มเติม เนื่องจากสัดส่วน NPL ของธนาคารปรับตัว ลงจาก 3.29% มาอยู่ที่ 3.25% ส่งผลให้ NPL Coverage Ratio ของ ธนาคารเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 166% จาก 162% ในไตรมาสก่อน
• TTB: ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 1.55 บาทจากเดิม 1.45 บาท และปรับเปลี่ยนคําแนะนําจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ” หลังจากแนวโน้ม คุณภาพหนี้ดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า จึงทําให้ปรับลดประมาณการสํารองหนี้ ลดลงเล็กน้อย ส่งผลให้ประมาณการกําไรปี 2566 เพิ่มขึ้นจากประมาณการ ก่อนหน้าราว 4% มาอยู่ที่ 16,151 ล้านบาท (+14%YoY) ทั้งนี้ สําหรับ กําไร 1Q23 ถือว่าออกมาดีกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ โดยหลักเป็นผลจาก สํารองหนี้ต่ํากว่าคาด หลังธนาคารยังควบคุมคุณภาพหนี้ได้ดี โดยสัดส่วน NPL ของธนาคารลดลงเล็กน้อยจาก 2.46% ใน 4Q65 มาอยู่ที่ 2.41%
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities