ราคาทองคำ และ BTC จะมีการปรับตัวลงจริงๆหรือไม่???
การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่ได้ออกมาใน 2 วันที่ผ่านมา จริงๆแล้วต้องออกมากดดันดัชนีดอลลาร์ และหนุนราคาทองคำขึ้น รวมทั้ง BTC ให้มีการปรับตัวขึ้นนะครับ
แต่แปลกมากครับ ที่ดัชนีดอลลาร์ DXY พุ่งขึ้นสวนทางตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ได้มีการประกาศออกมาในเมื่อคืนวันพุธและในเมื่อคืนนี้ ซึ่งบ่งชี้ถึงเศรษฐกิจสหรัฐและตลาดแรงงานที่มีการชะลอตัวลงมากกว่าคาด
และราคาทองคำร่วงลงสวนทางตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในเมื่อคืนนี้แบบเหลือเชื่อเช่นเดียวกัน
เช่นเดียวกับ BTC ที่ได้ร่วงลงในเมื่อคืนวันพุธเช่นกัน
และกองทุนเข้าซื้อทองคำ 0.87 ตันในวันพุธด้วยนะครับ แต่ราคาทองคำก็ยังร่วงลงอยู่ดี
เราจะมาหาคำตอบกันครับ
เท่าที่พอจะหาสาเหตุได้ น่าจะเกี่ยวข้องกับข่าวนี้ครับ
จีนไม่รับรองว่าแคว้นไครเมียเป็นของรัสเซีย
และธนาคารกลางอินเดียสั่งแบนธนาคารรัสเซีย
จีน และ อินเดีย เป็นพันธมิตรที่ดีกับรัสเซียมาตลอด
แต่หลังจากฟินแลนด์เข้า NATO
จีน กับ อินเดีย เริ่มแสดงท่าทีว่า...จะไม่เอาด้วยแล้วนะครับ
สงครามครั้งนี้อาจไม่ได้รุนแรงอย่างที่คิดไว้ครับ
และสงครามโลกครั้งที่ 3 จะไม่เกิดแบบที่หลายฝ่ายกังวล
ส่วนการที่ประธานาธิบดีไต้หวันมาเยือนสหรัฐ ก็ไม่ได้มีเหตุการณ์รุนแรงอย่างที่คิด เพราะจีนเองก็ไม่กล้าตอบโต้อะไรที่รุนแรงอยู่แล้ว เพราะเศรษฐกิจพึ่งจะฟื้นตัวจากโควิด
ในขณะที่ไม่มีข่าววิกฤตธนาคารเข้ามาซ้ำในช่วงนี้
เลยทำให้ดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้นใน 2 วันที่ผ่านมา กดดันราคาทองคำ
และมีแรงขายสินทรัพย์ปลอดภัยออกมาจากข่าวในข้างต้น เลยทำให้ทองคำถูกเทขายออกมา
ทองพุ่งขึ้นมาถึงระดับ 2,032 ดอลลาร์ได้ก็เพราะความกังวลเกี่ยวกับเรื่องสงครามที่อาจทวีความรุนแรงขึ้น หลังจากที่ฟินแลนด์ได้เข้าเป็นสมาชิก NATO อย่างเป็นทางการ
ดังนั้นการที่ตลาดคลายกังวลเกี่ยวกับเรื่องสงคราม จึงทำให้เกิดแรงเทขายทองคำเพื่อทำกำไรที่ราคาสูงออกมาเป็นจำนวนมาก
ในขณะที่การพุ่งขึ้นของดัชนีดอลลาร์ในเมื่อคืนนี้ ได้กดดัน BTC ให้ร่วงลงด้วยเช่นเดียวกัน
คำถามสำคัญในตอนนี้ คือ ราคาทองคำ และ BTC จะมีการปรับตัวลงจริงๆหรือไม่???
จุดสังเกตที่น่าสนใจ คือ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐที่ได้ร่วงลงในเมื่อคืนวันพุธนะครับ ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญเลย
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวร่วงลงในเมื่อคืนวันพุธ จากความเป็นไปได้ที่เฟดอาจจะหยุดขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐในเมื่อคืนวันพุธออกมาแย่ครับ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ร่วงลงมาที่ระดับ 3.287% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ร่วงลงมาที่ระดับ 3.563% ในวันพุธที่ผ่านมา
เศรษฐกิจสหรัฐอาจเผชิญภาวะ Stagflation ซึ่งเป็นภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่เงินเฟ้อพุ่งสูง
ขณะนี้ความกังวลอยู่ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจต้องล่าถอย ก่อนที่จะได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดในการทำสงครามกับเงินเฟ้อ ซึ่งเรื่องนี้จะทำให้เราเจอภาวะเลวร้ายที่สุด นั่นคือ เศรษฐกิจจะเผชิญภาวะ Stagflation ซึ่งเศรษฐกิจมีการหดตัว แต่ราคากลับพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ตลาดมีความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นจากการทะยานขึ้นของราคาน้ำมัน หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจมากกว่า 1 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปี 2566 ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค. หลังการเปิดเผยตัวเลขตลาดแรงงานที่ซบเซา
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 59.5% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค. และให้น้ำหนักเพียง 40.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) ประจำเดือนก.พ. พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี
ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานลดลง 632,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 9.9 ล้านตำแหน่งในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2564 และต่ำกว่าระดับ 10 ล้านตำแหน่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2564 รวมทั้งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 10.4 ล้านตำแหน่ง
นอกจากนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 145,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 210,000 ตำแหน่ง หลังจากพุ่งขึ้น 261,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ.
ADP ระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนดังกล่าวเป็นหนึ่งในสัญญาณที่บ่งชี้การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่ภาคธุรกิจลดการจ้างงาน หลังพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในปีที่แล้ว
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 51.2 ในเดือนมี.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 53.8 จากระดับ 55.1 ในเดือนก.พ.
อย่างไรก็ดี ดัชนีอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้การขยายตัวในภาคบริการของสหรัฐ แต่ถูกกดดันจากการทรุดตัวของคำสั่งซื้อใหม่
ทั้งนี้ ดัชนีภาคบริการของ ISM ประกอบด้วยอุตสาหกรรม 17 กลุ่ม ซึ่งรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ การขนส่ง การก่อสร้าง และเหมืองแร่
ในขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 18,000 ราย สู่ระดับ 228,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 200,000 ราย
นอกจากนี้ ภาพรวมตลาดแรงงานสหรัฐก็ยังไม่ชัดเจน เนื่องจากรัฐบาลปรับโมเดลคำนวณข้อมูลใหม่
ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 6,000 ราย สู่ระดับ 1.8 ล้านราย เมื่อเทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 1.7 ล้านราย
นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 238,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 311,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ.
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมี.ค.ในวันศุกร์นี้
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 238,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 311,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ.
นอกจากนี้ คาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.6% ในเดือนมี.ค.
ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานในตอนนี้
ราคาทองคำ และ BTC มีโอกาสปรับตัวขึ้นอีกรอบนะครับ
เพราะตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่ได้ออกมาในสัปดาห์นี้ รวมไปถึงตัวเลขที่ได้ออกมาในเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมาและในเมื่อคืนนี้ หนุนทั้งราคาทองคำ และ BTC ครับ
ตอนนี้เน้นย่อแล้ว Buy นะครับ ก่อนการประกาศตัวเลขสำคัญในคืนนี้ ซึ่งเราจะได้เห็นทิศทางของราคาทองคำ และ BTC ที่ชัดเจนมากขึ้น
เมื่อพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานในตอนนี้
สุดท้ายแล้ว ราคาทองคำจะต้องกลับมาวิ่งตามปัจจัยพื้นฐานครับ
ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นอีกครั้ง โดยมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ 2,000 ดอลลาร์ และมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 2,035 ดอลลาร์
และมีเป้าหมายอยู่ที่ 2,045 ดอลลาร์นะครับ ก่อนที่จะมีการปรับตัวร่วงลงเพื่อลงมาปรับฐานหลังจากนั้น
ในขณะที่ BTC เองก็มีโอกาสขึ้นเช่นกันนะครับจากการประกาศตัวเลขในเมื่อคืนวันพุธและในเมื่อคืนนี้
BTC มีโอกาสกลับขึ้นไปที่ระดับ 28,600-28,700 ดอลลาร์อีกครั้ง โดยมีเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่ระดับ 29,200 ดอลลาร์ครับ ก่อนที่จะมีการปรับตัวร่วงลงมาปรับฐานหลังจากนั้นเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ การประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐในคืนนี้จะเป็นตัวแปรสำคัญครับ ว่าทั้งราคาทองคำ และ BTC จะสามารถปรับตัวขึ้นได้ในคืนนี้เลยหรือไม่