การปรับลดลง 22.92 จุด SET Index เมื่อวันศุกร์ พบว่าเกิดจากแรงกดดันของ DELTA ประมาณ 8.5 จุด ซึ่งก็หมายความว่าหุ้นอื่นๆ ก็มีแรงกดดันที่ระดับสูง เช่นกัน โดยพิจารณาจากจำนวนหุ้นที่เปลี่ยนแปลง พบว่ามีเพียง 75 บริษัทที่ ปรับตัวขึ้น แต่มีหุ้นที่ปรับลง 436 บริษัท ส่วนที่เหลือ 158 บริษัทไม่เปลี่ยนแปลง ภาพดังกล่าวบวกกับมูลค่าการซื้อขายที่ไม่หนาแน่น ทำให้เห็นภาพตลาดที่ดูไม่สด ชื่น สำหรับปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานเช้านี้ ในส่วนของปัจจัยภายนอกมีความ กังวลเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ทำให้โอกาสที่จะเข้าสู่ Recession มีสูงขึ้น สำหรับในบ้านเรา มีการรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือน มี.ค.66 อยู่ที่ 2.83% YoY ซึ่ง ถือว่าลดลงต่อเนื่อง และเข้ามาอยู่ในกรอบนโยบายที่ กนง. กำหนดไว้ ทำให้มีความ โน้มเอียงที่ กนง. จะพิจารณาชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น
การที่กำลังเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว ขณะที่ ปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานดูไม่สดชื่น ใน เชิงกลยุทธ์เห็นว่าควรสำรองเงินสดไว้ในพอร์ตมากขึ้น ประเมินกรอบ SET Index วันนี้ช่วง 1560 – 1580 จุด หุ้น Top Pick เลือก CK, CPN และ ORI
ความจำเป็นในการขึ้นดอกเบี้ยต่ำ...หลังเงินเฟ้อ มี.ค. เหลือ 2.83%
กระทรวงพาณิชย์รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือน มี.ค. +2.83%YoY (ต่ำ กว่าตลาดคาดที่ +3.25%YoY และเดือนก่อนหน้า +3.79%YoY) อยู่ในระดับต่ำสุดใน รอบ 15 เดือน โดยหลักๆ ลดลงจากราคาราคาน้ำมันเชื้อเพลิง สินค้ากลุ่มอาหารสด (เช่น เนื้อหมู นำมันพืช) และของใช้ส่วนตัว (เช่น สบู่ ยาสีฟัน) ส่วน Core CPI +1.75%YoY ต่ำกว่าตลาดคาด +1.8%YoY และเดือนก่อนหน้า +1.93% เช่นกัน
รวมทั้งแนวโน้ม 2Q66 เงินเฟ้อไทยมีแนวโน้มชะลอตัวตามราคาสินค้าหลายรายการ บวกกับฐานราคาปี 2565 อยู่ในระดับสูง และกำลังในการซื้อของประชาชน อาจลดลงหลัง ดอกเบี้ยสูงขึ้น รวมถึงการส่งออกไทยชะลอตัว ทำให้กระทรวงพาณิชย์ปรับลดคาดการณ์ อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยปี 2566 อยู่ที่ 2.2% หรือในกรอบที่ 1.7 - 2.7% (เดิม 2.0- 3.0%)
ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินเงินเฟ้อที่เข้าสู่กรอบเป้าหมายบนของ ธปท. ที่ 3% ภายใน 1Q66 ซึ่ง เร็วกว่าคาด บวกกับอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของไทยในปัจจุบัน (ดอกเบี้ย 1.75% - เงิน เฟ้อ 2.83%) ติดลบน้อยลงมาอยู่ที่ 1.08% และยังดูดีกว่าหลายประเทศ อาทิ อังกฤษ (- 6.15%), ยุโรป (-3.4%), ฟิลิปปินส์ (-1.35%) เป็นต้น เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้ กนง. ยุติวงจรการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งตามกลไกช่วยหนุนให้ SET Index ซื้อขายบน P/E ที่ สูงขึ้น ดังนั้นดัชนีที่ต่ำกว่า 1600 จุด ถือเป็นจังหวะในการสะสมหุ้นพื้นฐาน
สรุป เงินเฟ้อไทยอ่อนตัวลงต่อเนื่องตามราคาพลังงานและกลุ่มสินค้าอาหารสดเป็น หลัก พร้อมกันนี้เงินเฟ้อเดือน มี.ค. ที่เข้าสู่กรอบเป้าหมายบน 3% ของ ธปท. ได้เร็ว กว่าคาด บวกกับอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของไทยปัจจุบันติดลบน้อยลง เชื่อว่าจะเป็น ปัจจัยหนุนให้ กนง. ยุติวงจรการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ แนะนำหุ้นเด่นรับเงินฟ้อชะลอตัว คือ การเงิน JMT SAWAD, อุปโภคบริโภค HMPRO CRC CPN CPALL (BK:CPALL) BGRIM ADVANC, หุ้นปันผลสูงจ่ายปีละครั้ง TISCO AP ORI
เงินเฟ้อชะลอ ดอกเบี้ยไทยต่ำ หวัง FUND FLOW ไหลเข้ามาพยุงในระยะ ถัดไป
หากดูข้อมูลดอกเบี้ยที่แท้จริง (ดอกเบี้ย – เงินเฟ้อ) แต่ละประเทศอยู่ในระดับบวกลบ เล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงความกังวลการเร่งขึ้นดอกเบี้ยชะลอลง และหากกลับมาดู Market Earning Yield Gap. (MEYG) สหรัฐค่อนข้างแคบไม่ถึง 1% เนื่องจากหุ้นยืนในระดับสูง พร้อมกับดอกเบี้ยทียังอยู่ในระดับสูงเช่นกัน
แต่หากดู MEYG ในตลาดหุ้นเอเชีย พบว่า ยังเปิดกว้างกว่าอยู่มาก อาทิ ตลาดหุ้นจีนมี MEYG 6.3%, ไต้หวัน 4.7%, เกาหลีใต้ 3.6%, อินโดนีเซีย 1.7%, ฟิลิปปินส์ 1.8% และไทย มี MEYG 4.1% ดังนั้นไทยมีMEYG กว้างกว่าสหรัฐ และกลุ่ม TIP ทำให้ ในระยะถัดคาดหวัง Fund Flow มีโอกาสไหลกลับเข้ามาช่วยพยุงตลาดหุ้นไทย
ปัจจุบันเห็น Fund Flow ไหลเข้ามาในอินโดนีเซียติดต่อกัน 3 เดือน ส่วนไทยต่างชาติเริ่ม ขายสุทธิน้อยลง และสลับมาซื้อสุทธิบ้าง 8 ล้านเหรียญ (mtd)
สรุปตลาดหุ้นไทยอาจผันผวนบ้างในช่วงนี้อยู่บ้าง เนื่องจากอยู่ในช่วงทำ Earning Preview และเป็นช่วงก่อนวันหยุดยาว อย่างไรก็ตามในมุม MEYG ยังคาดหวัง Fund Flow ช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยในระยะถัดไป
EARNING PREVIEW อีกหนึ่งปัจจัยกดดันตลาดผันผวน
วันพุธที่ผ่านมา SET ปิดที่ระดับ 1,571.13 จุด ลดลง 22.92 จุด (-1.44%) มูลค่าการซื้อ ขายที่เบาบาง 4.8 หมื่นล้านบาท โดยมีหลักทรัพย์ที่ปรับตัวขึ้น 75 หลักทรัพย์, ลดลง 436 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 158 หลักทรัพย์ซึ่งอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลงแรง อาทิETRON -7.9%, FIN -2.8%, FOOD -1.7% AGRI -1.7% และ PKG –1.6% เป็นต้น
หากพิจารณาเป็นรายบริษัท จะเห็นได้ว่ามาจาก DELTA -8.5% กดดัน SET 8.5 จุด ซึ่ง เกิดจากการ Panic Sell ของนักลงทุนหลัง SET จับ DELTA ติด Cash Balance ขณะที่ บริษัทอื่นๆได้รับ Sentiment ลบจากความคาดหวังว่ากำไรงวด 1Q66 จะออกมาแย่กว่า คาด อาทิ COM7 -9.25% ซึ่งฝ่ายวิจัยฯ ทำ Earning Preview กำไรงวด 1Q66 ออกมา 5 บริษัท ส่วนใหญ่กำไรจะลดลง YoY ทั้งสิ้น
สรุป ความหลอกหลอนของ EARNING PREVIEW กลับมาอีกครั้ง คาดทำให้ SET Index ในช่วงต่อจากนี้ผันผวนในขาลง โดยวันนี้มีโอกาสทดสอบแนวรับที่ระดับ 1560 จุด กลยุทธ์แนะนำถือเงินสดบางส่วนก่อนหยุดยาวรับมือความผันผวนภายนอกและ ภายในประเทศ ส่วนหุ้นแนะนำหุ้นผันผวนต่ำมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว CPN ORI CK เป็น Top pick ในวันนี้
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities