HELTH & COMM can hedge against inflation risk
• SET: มองต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ว่า SETIndex ดูมีความเสี่ยงมากขึ้นจาก ประเด็นการปรับลดกําลังการผลิตน้ํามันของกลุ่ม OPEC+ ล่าสุด แม้ว่าใน ระยะสั้นจะเป็นปัจจัยที่ทําให้กลุ่ม Oil & Gas บ้านเราปรับตัวขึ้นได้ก็ตาม แต่หากกระบวนการลดกําลังการผลิตดังกล่าวเกิดขึ้นจริง จะทําให้เป็นจุด พลิกเกมส์ที่สําคัญของการลงทุนทั่วโลกในช่วงถัดไป เนื่องจากจะทําให้สมมติฐานการลงทุนเดิมของเรารวมถึงนักลงทุนทั่วโลกหลายอย่างต้องมี การปรับเปลี่ยนไปจากเดิม
• Strategy: คงกรอบแนวต้านแรกของ SET เดือนนี้ที่ 1640 จุด ส่วนกรอบ แนวต้านสําคัญที่ไม่น่าทะลุได้แก่ระดับ High เดิมของปีที่ 1690 จุด ในทาง กลับกัน เมื่อวานนี้ดัชนี SET ลงไปที่บริเวณแนวรับแรกของเรา 1580-1600 จุดแล้ว ดังนั้นนักลงทุนที่เข้าสะสมหุ้นไปแล้วส่วนหนึ่ง สามารถถือครองไว้ ก่อนได้ โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นในภาคบริการ เช่น โรงพยาบาล ค้าปลีก โรงแรม ร้านอาหาร สื่อฯ ที่เรามองว่าได้เปรียบในสภาวะแวดล้อมปัจจุบัน ที่แรงกดดันเงินเฟ้อมีโอกาสวกกลับขึ้นมาอีกครั้ง
• HELTH & COMM: โดยเฉพาะกลุ่มโรงพยาบาลและกลุ่มค้าปลีก ที่ในอดีตมักเป็นกลุ่มที่ Outperform ชัดเจนในช่วงที่เงินเฟ้อของไทยปรับ ตัวเร่งขึ้นจากวิกฤติราคาน้ํามันสูงในปี 2005-06 และปี 2008 (รูปที่ 1-2) นอกจากนั้น ในแง่ของอัตราการทํากําไร ก็ยังพบว่า 2 Sector นี้มักเป็นกลุ่ม ที่มีความแข็งแกร่งของ Margin สูงในช่วงเวลาดังกล่าว กล่าวคือมี ความสามารถที่จะผลักภาระทางด้านต้นทุนไปให้กับผู้บริโภคได้ในระดับสูง (รูปที่ 3) เนื่องมาจากเป็นสินค้าและบริการที่มีความจําเป็นนั่นเอง ทั้งนี้ สําหรับหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลที่เราชื่นชอบได้แก่ BDMS, BH, PR9 ส่วนหุ้นในกลุ่มค้าปลีกที่เราชื่นชอบ ได้แก่ CPALL (BK:CPALL), MAKRO, BJC, CRC, HMRPO, GLOBAL, DOHOME
• BANK Preview: เราทยอยเริ่มต้นพรีวิวผลประกอบการกลุ่มธนาคาร พาณิชย์ประจําไตรมาส 1/66 แล้ว 4 ตัว ได้แก่ BBL, KBANK (BK:KBANK), SCB, TISCO มองตัวหุ้น BBL มีความน่าสนใจที่สุดในระยะสั้น จากการที่ผลการ ดาเนินงานน่าจะออกมาขยายตัวได้ทั้ง YoY และ QoQ โดยเราคาดกําไรที่ ระดับ 8,843 ล้านบาท ได้แรงหนุนจากค่าใช้จ่ายดําเนินงานและค่าใช้จ่าย สํารองหนี้ที่ลดลง ส่วนทางด้านรายได้ดอกเบี้ยและมิใช่ดอกเบี้ยสามารถ ทรงตัวได้ มองประเด็นคุณภาพหนี้และระดับสํารองยังคงมีความแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับกลุ่ม จึงคงคําแนะนํา “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 177 บาท
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities