กำไรสุทธิ 121 ล้านบาท ถ้าเทียบกับ Q3 ที่ได้ 180 ล้านบาท ลดลงไปประมาณ 60 ล้านบาท ถ้าเรามองแบบนี้จะเห็นว่าหายไปเยอะ แต่เหตุผลหลักมี 2 ข้อ คือ
1. Fx Loss 28.4 ล้านบาท เทียบกับ Q3 Fx Gain 23.1 ล้านบาท แปลว่า ไปกลับลดลง 51.5 ล้านบาท ประเด็นนี้น่าจะคุมลำบากพอควร
2. Selling Expense 150 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22 ล้านบาท จาก Q3 จากค่าการตลาด และทำวิจัยเก็บข้อมูลทางการตลาดที่จีน อันนี้ก็คือลงทุนเพื่อเข้าใจผู้บริโภคมากขึ้น ถ้าเจอ insight ทีดีก็คุ้ม เป็นการลงทุนระยะยาวแต่ต้องดูว่าจะเพิ่มขึ้นทุกไตรมาสมั้ย
แปลว่า แค่ค่าใช้จ่าย 2 ก้อนนี้ 73 ล้านบาท ถ้าบวกกลับเข้าไป กำไรก็จะดีกว่า Q3 ได้
เรื่องที่ดี
ยอดขาย 1,232 ล้านบาท +2% QoQ ถือว่าขายได้ดีต่อเนื่องทั้งตลาดไทย จีน อินโด มาเล เวียดนาม สาหร่ายอบปีนี้ขายดีทีเดียว ต้องตามดูต่อว่าจะกลับไปที่เดิม 1,400-1,500 ล้านบาทต่อไตรมาสได้มั้ย
สัดส่วนยอดขายกระจายตัวมากขึ้น ถ้าดูทั้งปี 38% ไทย 25% จีน 37% ประเทศอื่นๆ หลักๆ ก็สหรัฐ อินโด มาเล เวียดนาม มองว่าไม่ไปกระจุกตัวที่จีนเยอะเหมือนแต่ก่อน และประเทศอื่นๆ ก็โตดี
GPM ขยับขึ้นต่อจาก 30.5% เป็น 30.7% ตามการผลิตที่เพิ่ม และประสิทธิภาพการผลิตที่ดี แต่ก็ต้องระวังเพราะต้นทุนวัตถุดิบแนวโน้มก็ยังสูงอยู่
เรื่องที่ต้องติดตาม
ประเด็นหลักคงหนีไม่พ้นต้นทุนสาหร่าย ที่ตอนนี้กำลังเจรจากับทางตัวแทนที่เกาหลี 4-5 เจ้าอยู่สำหรับราคาสาหร่ายรอบใหม่เดือนเมษายนถึงมีนาคมปีหน้า ถ้าเราไปดูตัวเลขราคาสาหร่ายส่งออกจากเกาหลีก็จะพบว่ากลับขึ้นมาแล้ว ส่วน packaging น่าจะลดได้อยู่เพราะใช้อลูมิเนียมผสมกับพลาสติก ที่ราคาน่าจะลงมา
ตัวแทนจำหน่ายที่เริ่มเปลี่ยนโมเดล ในไทยจะใช้ Local Distributor 14 ราย แทนที่ DKSH ต้องดูว่าจะกระจายสินค้าได้ลีกและเติมของได้ไวมั้ย ส่วนที่จีน กลับไปใช้เจ้าเดิมที่กวางโจว ดูแนวโน้มก็ไปได้ดี แต่ก็ต้องติดตามว่าจะกระจายได้ลึกแค่ไหน และระวัง Orion จะติดใจอะไรมั้ย
เป้ายอดขาย 5,000 ล้านบาท +15% ยังไม่กลับไปเท่ากับก่อน COVID และรักษาระดับ GPM 30% ขึ้นไป ก็เป็นการให้เป้าแบบระมัดระวัง
โดยสรุป รายได้ดี มาร์จิ้นดี แบบค่อยๆ ดี ลงทุนค่าใช้จ่ายการตลาดที่จีนเพื่อการเติบโต Fx Loss ไปกลับกดดันกำไรเยอะ ส่วนอนาคตก็ต้องติดตามแผนการ 3 GO ของบริษัท กับเรื่องต้นทุนให้ดี และก็อย่าลืมประเมินมูลค่าหุ้นครับว่าคุ้มค่าแค่ไหน
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกทาง Stock Vitamins - วิตามินหุ้น