ปัจจัยภายนอกยังคงกดดันตลาดหุ้นไทย จากความกังวลการใช้นโยบายการเงินเชิง รุกต่อเนื่องของ Fed หลังจากตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งกว่าคาด ส่งผลให้เงินเฟ้อมี โอกาสยืนระดับสูงนานขึ้น และสอดคล้องกับความเห็นของประธาน Fed และเหล่า คณะกรรมการบางส่วน ขณะเดียวกันยังเป็นช่วงการรายงานงบ 4Q65 ของบริษัท จดทะเบียนในไทย ที่เห็นทยอยออกมา 24 บริษัท ทรงอย่างแบด และมีหลายบริษัท ที่กำไรต่ำคาดเกิน 10% อาทิ KCE รายงานกำไรงวด 4Q65 ออกมา 501 ล้านบาท ลดลง 29%QoQ, 24%YoY และต่ำกว่าที่ตลาดคาดถึง 24% กดดันให้ราคาหุ้น วานนี้ปรับตัวลดลง 11.4% ทั้งความกังวลเงินเฟ้อสหรัฐยืนระดับสูงนานบวกกับ กำไร 4Q65 ที่ไม่สู้ดีนัก ส่งผลให้ Fund Flow มีการไหลออกจากตลาดหุ้น 8 วันติด กว่า 1.8 หมื่นล้านบาท
กลยุทธ์รับมือความผันผวนในช่วงรายงานงบ 4Q65 แนะนำ Short Single Stock Future หุ้นตัวเดียวกันในพอร์ต (ในตลาดมีให้เลือกกว่า 128 ตัว) ในช่วงวัน ประกาศงบและปิดสถานะหลังประกาศ เพื่อลดความเสี่ยงหากงบออกมาต่ำกว่า ตลาดคาด ประเมินกรอบกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index วันนี้ 1660 – 1680 จุด Top pick แนะนำหุ้นที่กำไรผ่านจุดเลวร้าย PTTGC, หุ้นผันผวนต่ำ BEM และ หุ้นปันผลสูง AP
เงินเฟ้อสหรัฐที่อาจชะลอตัวช้ากว่าคาด กดดันตลาดหุ้นอยู่ในโทนลบ
ภาพรวมตลาดหุ้นผันผวนมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ จากปัจจัยการเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ท่ามกลางตลาดแรงงานสหรัฐที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ขณะที่วานนี้ตลาดหุ้นปิดตัวในแดน ลบราว -0.6% ถึง -1.7% หลังนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะกรรมการของ Fed ออกมาให้การสนับสนุนการดำเนินโยบายการเงินเชิงุรกต่อไป และกล่าวเพิ่มเติมว่า แม้อัตรา เงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องในปีนี้ แต่อาจจะต้องใชเวลาที่นานกว่าคาดเพื่อจัดการ กับปัญหาเงินเฟ้อให้เข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ 2%
ขณะเดียวกัน ปธน. โจ ไบเดน ได้แถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภา คองเกรส โดยมีใจความสำคัญในการเรียกร้องให้ภาครัฐทำงานร่วมกัน เพื่อกระตุนเศรษฐกิจ ภายในประเทศให้เติบโตต่อไป โดยประเด็นเศรษฐกิจที่น่าสนใจมีดังนี้
• การผลักดันให้เก็บภาษีคนรวยเพิ่ม 20% ของรายได้เต็ม สำหรับครัวเรือนชาว อเมริกันที่มีรายได้มากกว่า 100 ล้านเหรัยญฯ เพื่อเพิ่มการแข่งขัน และลดการ ผูกขาด ทั้งนี้อาจส่งผลให้เม็ดเงินไหลออกจากสหรัฐไปยังต่างประเทศ เพื่อลงทุน ในสินทรัพย์ต่างๆ ก็เป็นได้
• การสนับสนุนยูเครนเพื่อสู้ศึกกับรัสเซีย โดยสหรัฐพร้อมที่จะเป็นแกนนำและเป็น หนึ่งเดียวกับ NATO รวมถึงจะสร้างความร่วมมือระดับโลก ทั้งนี้การแสดงจุดยืนที่ ชัดเจนของสหรัฐอาจะทำให้ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์อาจตรึงเครียดมากขึ้น
• การประกาศมาตรฐานใหม่ที่จะต้องใช้วัสดุก่อสร้างที่ผลิตในสหรัฐอเมริกา เท่านั้น สำหรับโครงการของภาครัฐ ทั้งนี้หากมองอีกมุมหนึ่งก็ถือเป็นการลดการ พึ่งพาสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ
• การแข่งขันทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ ยังคงดำเนินต่อไป แม้จะมีการกีดกัน ทางการค้า แต่ก็มีความยืดหยุ่นให้แก่กัน ทำให้มูลค่าการค้าในปี 2565 พุ่งสูงสุด เป็นประวัติการณ์แตะระดับ 6.9 แสนล้านเหรียญฯ โดยสหรัฐนำเข้าสินค้าจากจีน เพิ่มขึ้นเป็น 5.4 แสนล้านเหรียญฯ และสหรัฐส่งออกไปจีนเพิ่มขึ้น 1.5 แสนล้าน สำหรับกรณีของปกป้องประเทศชาติ สหรัฐฯ ก็พร้อมจะตอบโต้ทันทีหากได้รับ คุกคามจากจีน
อย่างไรก็ตามความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากกองทัพสหรัฐยิง บอลลูนสอดแนมของจีน กดดันบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นจีนวานนี้ ขณะเดียวกันนัก ลงทุนยังจับตาการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของเดือนม.ค. ใน วันที่ 10 ก.พ. 2566 ซึ่งตลาดคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของ เศรษฐกิจจีน หลังคุมเข้มมาตราการ Zero-Covid มานานกว่า 3 ปี
สรุป อัตราเงินเฟ้อสหรัฐที่อาจชะลอตัวกว่าคาด ทำให้เจ้าหน้าที่ Fed ส่งสัญญาณการ ดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดต่อไปเพื่อสู้กับเงินเฟ้อ กดดันให้ภาพรวมตลาดหุ้นยัง อยู่โทนลบ ขณะที่การแถลงนโยบายประจำปีวานนี้(State of the Union) มีปัจจัย เสี่ยงที่ยังต้องติดตาม เฉพาะอย่างยิ่งความขัดแย้งระหว่างประเทศทั้งความตึงเครียดใน สงครามรัสเซียยูเครน รวมถึงการปกป้องประเทศชาติของสหรัฐจากการรุกล้ำของจีน ซึ่งอาจจำกัด Upside ของตลาดหุ้นที่ไม่ได้ร้อนแรงในระยะถัดไป ส่วนวันนี้คาด SET Index เคลื่อนไหวในกรอบ 1,660 – 1,680 จุด
กำไร 4Q65 สร้าง NEGATIVE SURPRISE กดดันตลาดผันผวนในช่วงนี้
ตั้งแต่ต้นปี กองทุนขายสุทธิหุ้นไทยกว่า 2.0 หมื่นล้านบาท ขณะที่ช่วงเดือน ม.ค.66 ยังได้ แรงหนุนจาก Flow ต่างชาติที่ซื้อสุทธิ 1.8 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามเริ่มเห็น Flow ต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นไทย ตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ.66 ขายสุทธิหุ้นไทยกว่า 1.4 หมื่น ล้านบาท(ขายสุทธิทุกวันทำการตั้งแต่ต้นเดือน) ทำให้หุ้นขนาดใหญ่ Underperform หุ้น ขนาดเล็ก โดยตั้งแต่ต้นปี SET50 -1.29% SET +0.10% ขณะที่หุ้นขนาดกลาง-เล็ก MAI +3.48% SSET +4.83%
เหตุผลหลักมาจาก เดือน ก.พ.66 เป็นช่วงเฝ้ารอดูผลประกอบการ 4Q65 รายหุ้น ซึ่งหุ้นที่ ประกาศงบ 4Q65 แล้วส่วนใหญ่ทรงอย่างแบด โดยมีการรายงานออกมาแล้ว 24 บริษัท (Market Cap 18.0%) มีกำไรสุทธิรวม 5.4 หมื่นล้านบาท ลดลง -36.7%QoQ และ - 19.9%YoY และหากพิจารณาจาก Bloomberg จะเห็นได้ว่า กำไร 4Q65 มี Negative Surprise หรือผิดจาก Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ถึง 20%
โดยมีอยู่ 17 บริษัทที่มีการคาดการณ์กำไร 4Q65 จาก Bloomberg จะเห็นได้ว่า ส่วนใหญ่ บริษัทที่รายงานงบ 4Q23 ออกมาแย่กว่าคาด หุ้นมักจะปรับฐานแรงหลังประกาศงบ 1 วัน และไม่ค่อยฟื้นตัวจนถึงปัจจุบัน
ขณะที่ช่วงที่เหลือของเดือน (9 ก.พ.65 – 28 ก.พ.65) เข้าสู่ฤดูกาลแห่งประกาศงบ 4Q65 ที่แท้จริง โดยมีหุ้นที่ฝ่ายวิจัยฯทำการศึกษา 63 บริษัท ซึ่งต้องติดตามว่าจะทำให้ทิศทาง กำไร 4Q65 จะเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด และจะมี Negative Surprise กี่บริษัท
หนึ่งในกลยุทธ์รับมือความผันผวนในช่วงรายงานงบ 4Q65 แนะนำ Short Single Stock Future หุ้นตัวเดียวกันในพอร์ต (ในตลาดมีให้เลือกกว่า 128 ตัว) ในช่วงวัน ประกาศงบและปิดสถานะหลังประกาศ เพื่อลดความเสี่ยงหากงบออกมาต่ำกว่าตลาดคาด
ส่วนวันนี้ประเมินกรอบกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index 1660 – 1680 จุด Top pick แนะนำหุ้นที่กำไรผ่านจุดเลวร้าย PTTGC, หุ้นผันผวนต่ำ BEM และหุ้นปันผลสูง AP
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities