รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ต้องสนใจผลประกอบการ4Q65 มากขึ้นนะ 

เผยแพร่ 31/01/2566 09:47
อัพเดท 09/07/2566 17:32

ภาพ GDP Growth งวด 4Q65 ของเยอรมันที่ออกมา -0.2% QoQ น่าจะเพิ่ม ระดับความกังวลเรื่อง Recession ให้กลับมา เพราะหาก 1Q66 ติด QoQ อีก 1 ไตรมาส ก็จะเข้านิยามของ Technical Recession ส่วนภาพของทิศทางดอกเบี้ย โลกดูผ่อนคลายโดยคาดหมายว่า Fed น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้ เพียง 0.25% และเพดานสูงสุดของดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อยู่ที่ 5 – 5.25% สำหรับ ประเด็นที่เราต้องให้ความสำคัญมากขึ้น ได้แก่ทิศทางผลประกอบการงวด 4Q65 ซึ่งส่งสัญญาณไม่ดี โดยล่าสุดกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และบริษัทในอุตสาหกรรม ขนาดใหญ่ของประเทศที่ประกาศผลประกอบการออกมาแล้ว พบว่าต่ำกว่าคาด มากถึง 19% ซึ่งบ่งชี้ถึงโอกาส ที่บริษัทในกลุ่ม Real Sector ที่จะทยอยประกาศ ออกมาอาจชะลอตัว และทำให้ ประมาณการกำไรเปิด Downside กดดันตลาด

ปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานเช้านี้นำหนักน่าจะออกมาในทางลบ และสร้างแรง กดดันต่อ SET Index ประเมินกรอบการเคลื่อนไหว 1670 – 1690 จุด หุ้น Top Pick เลือก GULF , CPN และ STEC

GDP เยอรมันติดลบ QOQ หากติลลบอีกไตรมาส อาจส่งสัญญาณ เศรษฐกิจชะลอตัว

เยอรมันประกาศตัวเลข GDP อยู่ที่ระดับ+0.5% YoY, -0.2% QoQ ต่ำกว่าที่ตลาดคาด +0.0% QoQ สะท้อนให้เห็นสัญญาณการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในทวีปยุโรป เนื่องจาก เยอรมันถือเป็นประเทศพี่ใหญ่ โดย GDP ที่ปรับตัวลดลงเป็นผลมาจาก ต้นทุนค่าครองชีพ ที่สูงขึ้นของประชาชนจากราคาพลังงาน ส่งผลให้การใช้จ่ายภาคครัวเรือนปรับตัวลดลง ทั้งนี้เยอรมันนีและสหภาพยุโรปอาจเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค เนื่องจาก สงครามรัสเซียยูเครนที่ยังปะทุอย่างต่อเนื่อง เงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง (CPI EU เดือน ธ.ค. อยู่ที่ระดับ 9.2% YoY) รวมถึงตลาดคาด ECB จะดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวด ต่อไป (ตลาดคาด ECB ขึ้นอัตราดอกเบี้ยระดับ 50 bps ขณะที่คาด FED ขึ้นอัตรา ดอกเบี้ยระดับ 25 bps)

ECB มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยแรงกว่า FED ส่งผลต่อความผันผวนในตลาด การเงินช่วงสั้นๆ

ธนาคารกลางหลายแห่งมีท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้นในปี 2566 หลังจากที่เร่งปรับขึ้นอัตรา ดอกเบี้ยนโยบายที่เร็วและแรงในช่วงปีที่ผ่านมา ประกอบกับเงินเฟ้อชะลอตัวลง แต่ทั้งนี้ การดำเนินนโยบายการเงินในแต่ละประเทศเริ่มเห็นถึงความไม่สอดคล้องกันมากขึ้นในการ ประชุมสัปดาห์นี้ โดย Fed มีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมฯ วันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. 66 (Fed Watch Tool ให้น้ำหนักความเป็นไปได้สูงถึง 99.9%) หลังจากเร่ง ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นมาแรงกว่า 4.25 bps. ในปี 65 (ณ สิ้นปี อยู่ที่ 4.5%) ขณะที่ ECB ตลาดประเมินว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมฯ วันที่ 2 ก.พ. 66 หลังจากปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 2.5 bps. ในปี 65 (ณ สิ้นปี อยู่ที่ 2.5%)

การคาดการณ์ที่ ECB จะขึ้นดอกเบี้ยแรงกว่า FED ส่งผลให้ตลาดการเงินผันผวนในช่วงสั้น โดยในฝั่งสหรัฐวานนี้ ตลาดหุ้นร่วงลงค่อนข้างแรงราว -0.8% ถึง -2.0% ขณะที่ Bond Yield 2 ปี สหรัฐ ขยับขึ้นมา 0.8% ขานรับการปรับขึ้นดอกเบี้ย ส่วนในฝั่งยุโรปตลาดหุ้น ผันผวนในกรอบแคบราว 0.3% ถึง -0.5% สำหรับค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นกว่า 0.02% มาอยู่ ที่ 1.08 EUR/USD

ขณะที่บ้านเรา ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) ยังส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยแบบ ค่อยเป็นค่อยไป โดยในปี 66 คาดว่า กนง. จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกราว 0.25 - 0.5% (ณ สิ้น ปี อยู่ที่ 1.5% - 1.75%) โดยพิจาณาตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลก สถานการณ์การฟื้นตัวของ เศรษฐกิจไทยและความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่เปลี่ยนแปลงไป หลังจากปรับขึ้นดอกเบี้ยราว 0.75 bps. ในปี 65 (ณ สิ้นปี อยู่ที่ 1.25%)

ขณะเดียวกันฝ่ายวิจัยฯ ได้แบ่งการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายตลอดทั้งปี เป็น 3 กรณี ผนวกกับใช้ Market Earning Yield Gap ระดับ 4.2% และอิง Bond Yield 1 ปี และ EPS66F ที่ระดับ 99.2 บาท/หุ้น จะได้ระดับ Target SET Index ณ สิ้นปี 2566 ที่ต่างกันออกไป ดังนี้

• Worst Case หรือ ดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 1.75% (ขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ครั้ง ละ 0.25%) ทำให้Target SET Index อยู่ที่ระดับ 1667 จุด

• Base Case หรือ ดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 1.50% (ขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ครั้งละ 0.25%) ทำให้Target SET Index อยู่ที่ระดับ 1740 จุด

สรุป ช่วงรอ Fed ขึ้นดอกเบี้ยในวันที่ 2 ก.พ. อีกทั้งยังเห็นการใช้นโยบายการเงินที่ แตกต่างกัน อย่าง ECB มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ย (คาด +0.5 bps.) แรงกว่า FED (+0.25 bps.) ในการประชุมนโยบายการเงินสัปดาห์นี้ ส่งผลต่อความผันผวนในตลาดการเงิน ระยะสั้น อาทิ ตลาดหุ้น, Bond Yield, อัตราแลกเปลี่ยน ฯลฯ ขณะที่บ้านเรา กนง. ยัง ส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้การที่ธนาคารกลางต่าง เดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ย เป็นการเพิ่มต้นทุนทางการเงินให้กับประชาชนและ ผู้ประกอบการ ซึ่งมีผลต่อการบริโภคและภาคธุรกิจกดดัน Upside ตลาดให้แคบลงได้

กำไร 4Q65 เปิดตัวอย่างแบด…แซดหรือป่าว ?

เดือน ก.พ. ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสผันผวน เนื่องจากเป็นช่วงเฝ้ารอดูผลประกอบการ 4Q65 รายหุ้น อีกทั้งเปิดฤดูกาลมาประกาศงบมาก็ทรงอย่างแบด โดยมีการรายงานออก มาแล้ว 19 บริษัท (Market Cap 16.7%) มีกำไรสุทธิรวม 5.9 หมื่นล้านบาท ลดลง - 31.5%QoQ และ -10.0%YoY และหากพิจารณาจาก Bloomberg จะเห็นได้ว่า กำไร 4Q65 มี Negative Surprise หรือผิดจาก Consensus คาดการณ์ไว้ถึง 19%

และหากนำข้อมูลมารวมกับที่ฝ่ายวิจัยฯทำ Earning Preview ไว้ อีก 27 บริษัท (คิดเป็น สัดส่วน Market Cap 37%) มีกำไรรวม 8.0 หมื่นล้านบาท ลดลง -23%QoQ และ - 32%YoY ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ดีต่อกำไรงวด 4Q65 และมีโอกาสที่กำไรรวมทั้งปี 2565 อาจต่ำกว่าประมาณการที่ฝ่ายวิจัยฯ คาดไว้ที่ระดับ 1.14 ล้านล้านบาท

ขณะที่ช่วงต้นเดือนหน้า (1 ก.พ.65 – 10 ก.พ.65) เข้าสู่ฤดูกาลแห่งประกาศงบ 4Q65 ที่ แท้จริง โดยมีหุ้นที่ฝ่ายวิจัยฯทำการศึกษา 8 บริษัท อาทิ IRPC KCE (7 ก.พ.65) ADVANC (9 ก.พ.65) INTUCH SCCC GPSC GGC TOP (10 ก.พ.65) เป็นต้น ซึ่งต้องติดตามว่าจะ ทำให้ทิศทางกำไร 4Q65 จะเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด

สรุป เดือนนี้ถือเป็นบทสรุปของกำไร 4Q65 ว่าจะเป็นเช่นไร และจะส่งผลต่อกำไรสุทธิ ปี 2566 หรือไม่ คาดทำให้ SET Index แกว่งผันผวนในกรอบแคบ รอดูผลลัพธ์จาก ประเด็นดังกล่าว โดยวันนี้มองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 1670-1690 จุด

OUTLOOK ผลประกอบการ 4Q65ใครรอด – ใครร่วง

สัปดาห์นี้ ฝ่ายวิจัยฯ จะมานำเสนอ OUTLOOK ผลประกอบการ 4Q65 รายอุตสาหกรรม โดยแบ่งเนื้อหาของแต่ละอุตสาหกรรม ตามการจัดตารางรายวัน ดังนี้

▪ อังคาร 31 ม.ค.66 กลุ่ม CONS, CONMAT, MEDIA

▪ พุธ 1 ก.พ.66 กลุ่ม AGRI, FOOD, ETRON, FIN, PROP

▪ พฤหัสบดี2 ก.พ.66 กลุ่ม ENERG, PETRO, โรงไฟฟ้า

▪ ศุกร์3 ก.พ.66 กลุ่ม ICT, COMM, AUTO, TOURISM

โดยวันนี้เป็นคิวของกลุ่ม CONS, CONMAT, MEDIA โดยมีรายละเอียดทางพื้นฐาน ดังนี้

กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง : ในแง่ผลการดำเนินงานปกติของบริษัทส่วนใหญ่เชื่อว่าจะปรับตัวดี ขึ้นทั้ง QoQ และ YoY จากการรับรู้รายได้ก่อสร้างที่ทำได้มากขึ้นหลังหมดปัญหาเรื่อง แรงงานขาดแคลน อย่างไรก็ตามมีปัจจัยต้องระวังเรื่องการทบทวนต้นทุนก่อสร้างที่บริษัท ก่อสร้างมักทำในช่วงไตรมาส 4 ของปี ส่งผลให้เกิด Negative Surprise ขึ้นบ่อยครั้ง รวม ไปถึงรายการพิเศษที่เกิดขึ้นเฉพาะบางบริษัทเช่นการตีราคาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน และกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุน สำหรับบริษัทที่คาดจะเห็นกำไรอยู่ในเกณฑ์ดี ได้แก่ STEC,STPI,PYLON บริษัทที่มีกำไรแต่ไม่เด่นมาก ได้แก่ CK,SYNTEC ,BJCHI,TTCL ส่วน บริษัทที่มีความเสี่ยงขาดทุนได้แก่ ITD,NWR,SEAFCO

กลุ่มวัสดุก่อสร้าง : ภาพรวมผลประกอบการถูกกดดันจากต้นทุนพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น และกำลังซื้อที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อสูง ทำให้ผลประกอบการของบริษัทใน กลุ่มฯ ไม่สดใส เห็นได้จาก SCC ที่ประกาศงบออกมาเป็นบริษัทแรก โดยมีกำไรทรุดหนัก ที่สุดในรอบ 13 ปี เชื่อว่าผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายอื่นอย่าง SCCC,TPIPL น่าจะเห็นกำไรลดลง ทั้ง QoQ และ YoY ส่วนบริษัทที่คาดจะเห็นกำไร เติบโต QoQ ตามปัจจัยด้านฤดูกาล แต่ น่าจะลดลง YoY จากผลกระทบเรื่องต้นทุนได้แก่ DCC,VNG สำหรับบริษัทที่คาดจะทำ กำไรเติบโตได้ทั้ง QoQ และ YoY คือ DRT และ TASCO ซึ่งมีลุ้นสร้าง Positive Surprise จากปริมาณการขายยางมะตอยที่เพิ่มขึ้นมาก

กลุ่มสื่อโฆษณา : คาดกำไรสุทธิงวด 4Q65 ดีขึ้น QoQ และ YoY หลังเงินเฟ้อเป็นขาลง หนุนเม็ดเงินโฆษณาและความมั่นใจของเอเจนซี่ในการกลับมาใส่งบโฆษณาอีกครั้ง อัตรา การใช้สื่อปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน รายได้โฆษณาเติบโตโดดเด่นรับปัจจัยหนุนเข้าสู่ High Season ชอบ PLANB (FV@9.30B) เลือกเป็น Top Pick กลุ่ม จากแนวโน้มกำไร4Q65 จะฟื้นตัวได้โดดเด่นที่สุดในกลุ่มแต่ Upside เริ่มจำกัด แนะนำหาจังหวะทยอย สะสม และยังคงชอบ BEC (FV@12.70B) ที่ กำไรเติบโต QoQ หลังผ่านพ้นจุดต่ำสุดไป แล้วใน 3Q65 แต่หดตัวลง YoY จากฐานสูงในช่วงเดียวกันของปีก่อน มอง BEC ได้ ประโยชน์จากการวัดเรทติ้งรูปแบบใหม่ส่งผลให้ราคาขายโฆษณาปรับขึ้นได้

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย