All eyes on U.S. CPI
• SET: คาด SET Index เปิดตลาดวันนี้ในแดนบวก สอดคล้องกับราคา น้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น ซึ่งน่าจะช่วยเป็นแรงหนุนการปรับตัวของหุ้นกลุ่ม Oil & Gas บ้านเราในวันนี้ แม้ว่าเมื่อคืนนี้สหรัฐฯจะรายงานตัวเลขสต็อก น้ามันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 19 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะมีการปรับด้วลงราว 7 แสนบาร์เรล ในเชิงกล ยุทธ์ สามารถถือครองหุ้นเพื่อ Let profit run ต่อไป โดยหุ้นที่เน้นถือครอง ยังคงได้แก่ GLOBAL, PLANB, SC, STEC, กลุ่ม PF&REIT, GPSC, JMT, ADVANC, SCC, TISCO ซึ่งล่าสุดให้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ +1.4% (รูปที่ 1) CPI: สําหรับปัจจัยสําคัญที่สุดในวันนี้ได้แก่ รายงานตัวเลขเงินเฟ้อ ประจําเดือนธ.ค.ของสหรัฐฯซึ่งล่าสุดตลาดคาดการณ์ขยายตัวที่ 6.5% สําหรับเงินเฟ้อทั่วไป (Headline) และขยายตัวที่ 5.7% สําหรับเงินเฟ้อ พื้นฐาน (Core) ประเมินหากตัวเลขจริงออกมาใกล้เคียงหรือค่ากว่า เป็นไป ได้ว่านักลงทุนจะให้น้ําหนักมากขึ้นต่อการขึ้นดอกเบี้ย Fed Funds เพียง 0.25% สําหรับการประชุม FOMC ครั้งที่จะถึงนี้ ในทางกลับกัน หากตัวเลข จริงออกมามากกว่าคาดมากๆ คาดว่านักลงทุนจะหันกลับมาให้นําหนักต่อ การขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.50% มากขึ้น จนส่งผลให้ Bond yield และเงิน ดอลลาร์สหรัฐฯกลับมาขยับติ้วขึ้นอีกครั้งไ
• เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (BK:AP): คงคาแนะนา “ชื่อ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 14.40 บาท เพิ่มขึ้น จากเดิมที่ 13.60 บาท อิงค่าเฉลี่ย PE เดิมที 7.5x โดยมีสาเหตุจาก การปรับเพิ่มก่าไรปี 2566 ขึ้น 6% มาอยู่ที่ 6.1 พันล้านบาท (เติบโต 4% YoY) จากยอด Backlog ที่แข็งแกร่ง (4.2 หมื่นล้านบาท) และแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ปี 2566 ที่คาดว่าจะใกล้เคียงปี 2565 ในส่วนของกําไร 4Q65 นั้น คาดว่าจะอยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท (-24% QoQ / + 9% YoY) โดยการปรับตัวลดลง QoQ มาจากกําไรส่วนแบ่งจาก การร่วมทุนลดลง เนิ่องจากใน 4Q65 ยังไม่มีการโอนโครงการคอนโดใหม่ แต่เป็นการโอนโครงการต่อเนื่องจาก 3Q65 ในเชิงพื้นฐาน ยังคงเลือกเป็น Top Pick ของกลุ่มที่อยู่อาศัยเช่นเดิม
• ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด มหาชน (BK:TTB): คาดกําไร 4Q65 ที่ 3.4 พันล้านบาท (- 8% QoQ / + 23%YoY) ปัจจัยบวกคือสินเชื่อเช่าซื้อที่คาดว่าจะเติบโตได้บ้างตามยอดขายรถยนต์ ในประเทศที่ค่อนข้างดี และรายได้ค่าธรรมเนียมที่อาจปรับตัวดีขึ้น จากการ ขายผลิตภัณฑ์กองทุนรวมและประกัน ส่วนปัจจัยลบหลักๆได้แก่ ค่าใช่จ่าย การดาเนินงานตามฤดูกาล และค่าใช้จ่ายสํารองหนี้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 2%QoQ ภาพรวมก่าไรปี 2566 คาดว่าจะเติบโตได้ 9% แม้อาจเห็น ค่าใช้จ่ายสารองหนี้เพิ่มขึ้น และ NIM ที่ได้รับแรงกดดันจากการปรับขึ้นเงิน น่าส่ง FIDF แต่คาดว่าในส่วนของสินเชื่อและธุรกรรมต่างๆที่ฟื้นตัว น่าจะ เป็นปัจจัยช่วยชดเชยได้บ้าง โดยเฉพาะสินเชื่อ SME และสินเชื่อเช่าซื้อ รถยนต์ คงราคาเป้าหมายที่ 1.40 บาท ลดค่าแนะนําาเหลือ “ถือ” เนื่องจากไม่มี Upside จากราคาปัจจุบัน
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities