รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

โฟกัสที่ตัวหุ้น มากกว่า SET INDEX 

เผยแพร่ 04/01/2566 09:41
อัพเดท 09/07/2566 17:32

ปรากฎการณ์ที่ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (BK:DELTA) ซึ่งปัจจุบันมีMarket Cap สูงเป็นอันดับ 1 (1.16 ล้านล้าน บาท) เป็นองค์ประกอบหลักในการขับเคลื่อน SET Index ทำให้ภาพการ เคลื่อนไหวของ SET Index ไม่ได้สะท้อนภาพที่แท้จริงของหุ้นทั้งตลาดได้ดี เท่าที่ควร สภาวะดังกล่าวนักลงทุนควรให้ความสนใจที่พื้นฐานหุ้นรายตัวมากกว่า SET Index สำหรับประเด็นที่อยู่ในความสนใจเช้านี้ ยังคงเป็นประเด็นความเสี่ยง เชิงภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งมีความร้อนแรงทั้งในส่วนของ รัสเซีย-ยูเครน และ สถานการณ์ ความร้อนแรงในคาบสมุทรเกาหลี ส่วนประเด็นทางเศรษฐกิจยังอยู่ภายใต้ความ กังวลเรื่องการถดถอยของเศรษฐกิจ โดยตัวเลขล่าสุดมีตัวเลข PMI ของ USA และ UK ที่ยังต่ำกว่า 50 จุด และลดลงจากเดือนที่ผ่านมา ส่วนในบ้านเรามีประเด็นเรื่อง การจัดทำงบประมาณซึ่งภาพรวมน่าจะเห็นการใช้เงินเพื่อการลงทุนมากขึ้น

การที่ DELTA เป็นตัวหลักในการขับเคลื่อน SET Index มีโอกาสที่จะทำให้เกิด ความผันผวนของทั้ง SETและ SET 50Index มากขึ้น ประเมินกรอบ SET Index ช่วง 1670 – 1685 จุด Top Pick เลือก BBL, SCB และ HMPRO

ดัชนีหุ้นสหรัฐปิดลบ ตัวเลข PMI ยังต่ำกว่า 50 กังวลเศรษฐกิจถดถอย

ดัชนี้หุ้นสหรัฐเปิดบวกโดย Dow Jones บวกกว่า 300 จุดตอนเปิดตลาดฯ ตอบรับการซื้อ ขายวันแรกของปี 66 อย่างไรก็ตามหลังสหรัฐมีการรายงานตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิต เดือน ธ.ค. ซึ่งจัดทำโดย S&P Global อยู่ที่ระดับ 46.2 (ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนที่ ระดับ 47.7)

ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงและปิดในแดบลบระหว่าง -0.03% ถึง -0.76% และ ราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวลดลงกว่า 3% หลุดระดับ 78 เหรียญ/บาร์เรล เนื่องจากตลาด ยังคงกังวลว่า การที่ตัวเลข PMI ภาคการผลิตหดตัวลงอย่างต่อเนื่องและยังคงต่ำกว่าระดับ 50 อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอย

ปัจจุบันตลาดหุ้นอาจมีความผันผวนสูงอยู่ เนื่องจากอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านความกังวลจาก เงินเฟ้อสู่เศรษฐกิจถดถอย แนะนำติดตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญอย่างใกล้ชิด อาทิCPI ยุโรป เดือน ธ.ค. และ Nonfarm Payrolls สหรัฐ เดือน ธ.ค.

สัญญาณเงินเฟ้อยุโรปดูดี อาจทำให้ ECB ใช้นโยบายทางการเงินผ่อน คลายขึ้น

อัตราเงินเฟ้อของเยอรมัน เดือน ธ.ค.65 อยู่ที่ 8.6%YoY และ -0.8%MoM (ต่ำกว่าคาดที่ 9.1%YoY และ -0.3%MoM) ซึ่งสัญญาณของอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ของเยอรมัน คาดทำให้อัตราเงินเฟ้อของยุโรปที่จะประกาศวันศุกร์นี้ชะลอลงด้วย โดย Bloomberg คาด อัตราเงินเฟ้อของยุโรป เดือน ธ.ค.65 คาดอยู่ที่ 9.5%YoY และ - 0.1%MoM(งวดก่อนหน้าอยู่ที่ 10.1%YoY และ -0.1%MoM)

ซึ่งฝ่ายวิจัยฯได้นำการเติบโตเงินเฟ้อ (CPI) เดือนล่าสุดของยุโรปที่ระดับ -0.10% MoM มา คิดสมมุติฐานเงินเฟ้อในระยะถัดไป พบว่า CPI YoY จะทยอยปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยลดลงจากระดับ +10.6%YoY ในเดือน พ.ย.65 สู่ระดับ +2.69% YoY ในเดือน มิ.ย. 66 ซึ่งหากการเติบโต MoM ของเงินเฟ้อยุโรป (CPI) ปรับตัวลงมากกว่า -0.1%MoM คาด จะเห็นอัตราเงินเฟ้อระดับ 2% ภายใน 1Q66 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ตั้งไว้ของ ECB อยู่แล้ว

แม้ตัวเลขการเติบโตของ CPI จะลดลง แต่ต้องถือว่าอยู่ในระดับสูงอยู่ ส่งผลให้ธนาคาร กลางยุโรป ECB ยังส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50 Bps สู่ระดับ 2.50% หลังก่อน หน้า ECB ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยระดับ 75 Bps จำนวน 2 ครั้งติดต่อกัน ในการประชุม เดือน ก.ย.65และ ต.ค.65 รวมถึงทาง Bloomberg ยังให้โอกาสยุโรปเกิด Recession ได้ ถึง 80% ภายใน 1 ปีข้างหน้า

ค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่า แต่ถ้าแข็งค่าเร็วไป อาจจูงใจให้ FUND FLOW ไหลเข้าในระยะถัดไปน้อยลง

ค่าเงินบาทยังมีโอกาสแข็งค่าขึ้นต่อจาก 3 มุมหลักๆ คือ

1. แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า หลังหลายประเทศในตระกร้าเงินดอลลาร์เร่งใช้ มาตการทางการเงินที่เข้มข้นขึ้น อาทิ ยุโรป, อังกฤษ, ญี่ปุ่น เป็นต้น

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

2. ความแข็งแรงของสถานะการเงินที่ดีต่อเนื่อง

2.1 ในมุมดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลเป็นบวก ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อจากจำนวน นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะจีนที่ยกเลิก การกักตัวตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 66 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแรงหนุนให้ดุลบริการปรับตัว ดีขึ้น

2.2 ในมุมเงินสำรองระหว่างประเทศของไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นเดือน พ.ย. อยู่ที่ 2.10 แสนล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 หลังจากผ่านพ้นจุด ต่ำสุดในเดือน ก.ย.65 ที่อยู่ระดับ 1.99 แสนล้านเหรียญฯ ตามแนวโน้มการ ฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย

3. ในมุมเทคนิคภาพรายเดือน หากเดือน ม.ค. 66 ค่าเงินบาทปิดต่ำกว่า 34.80 บาท/ usd เกิดสัญญาณ MACD ตัดเส้น Signal Line ลง และที่ผ่านมาเวลา MACD ตัด ลงจากแดนบวก เป็นรอบแข็งค่ายาวๆกว่า 2 ปีโดยคาดมีแนวรับแรกชะลอการ แข็งค่าที่ 33 บาท/usd

ทั้ง 3 ปัจจัยดังกล่าว ถือเป็นแรงหนุนค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า พร้อมกับ Fund Flow มีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติมีโอกาสได้กำไรจาก อัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มเติม แต่ถ้าค่าเงินบาทแข็งค่าลงมาเร็ว ใกล้ๆ แนวรับที่ 33 บาท/ usd อาจจูงใจให้ FUND FLOW ไหลเข้าในระยะถัดไปได้น้อยลงเช่นกัน ส่วนวานนี้ต่างชาติยังซื้อสุทธิหุ้นไทยต่อ 1.4 พันล้านบาท และซื้อสัญญา SET50 Futures 13,038 สัญญา พร้อมกับค่าเงินบาทที่แข้งค่าขึ้น 0.7% มาอยู่ที่ 34.36 33 บาท/usd

งบประมาณภาครัฐเปลี่ยนทิศ...มุ่งเป้าลงทุนฟื้นเศรษฐกิจไทย

การจัดทำงบประมาณระยะปานกลาง 2567-2570 โดยงบประมาณ 2567 มีกรอบวงเงิน งบประมาณรายจ่ายรวม 3.35 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 5.2% ได้ถูกเตรียม พิจารณาในที่ประชุม ค.ร.ม. วันที่ 10 ม.ค. 66 อย่างไรก็ตามบนสมมุติฐานว่าไม่มีการยุบ สภาจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 7 พ.ค.66 อาจมีส่วนทำให้การจัดทำงบประมาณปี 2567 อาจล่าช้าออกไปจากที่กำหนดไว้ แต่ได้มีการทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบ ฯ ไปพลางๆ ราว 6 เดือน

อย่างไรก็ตามเมื่อย้อนกลับไปดูละเอียดการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายของภาครัฐช่วงที่ ผ่านมา ได้เปลี่ยนผ่านจากมาตรการเยียวยามาเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจมากขึ้น สะท้อน จากงบประมาณรายจ่ายลงทุนประจำปีงบประมาณ 66เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 17.3% เป็น 0.7 ล้านล้านบาท มีสัดส่วนอยู่ที่ 21.8% ของวงเงินงบประมาณทั้งหมด นอกจากนี้ภาครัฐ ยังเตรียมพิจารณาช่วงต้นปีนี้พร้อมดันเมกะโปรเจกต์ 9 โครงการ วงเงินรวม 5 แสนล้าน บาท พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ โครงการรถไฟไทย-จีน รถไฟทางคู่เฟส 2 ฯลฯ ดีต่อ หุ้นกลุ่มก่อสร้าง รับเหมา อาทิ CK, STEC, NWR, BEM กลุ่ม ธ.พ. แนะนำ BBL, SCB

สรุป การจัดสรรงบประมาณของภาครัฐเริ่มเห็นแนวโน้มการใช้จ่ายด้านการลงทุนเพิ่ม มากขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งในโครงสร้างพื้นฐาน ขณะที่งบประมาณรายจ่ายสำหรับการ เยียวยาลดลงเรื่อยๆ เพื่อเพิ่มเสถียรภาพทางเศรษฐกิจไทยระยะถัดไป

ประเมิน SET Index วันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1670-1685 จุด ส่วน Toppicks วันนี้ เลือก HMPRO BBL SCB

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย