SETIndex สิ้นปี 2565 จบที่ 1668.66 จุด แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากปีก่อนหน้า ทั้งนี้หากดูในองค์ประกอบพบว่าการปรับขึ้นของ SET Index 42.80 จุด เกิดจาก แรงผลักของหุ้น DELTA ซึ่งปัจจุบันมีMarket Cap กว่า 1 ล้านล้านบาท และเพิ่ง เข้า SET50 ในรอบนี้ สำหรับทิศทางของ SET Index ปี 2566 เราประเมินว่ายังจะ มีUpside ที่จำกัดโดยวางกรอบบนช่วง 1667 จุด (กรณี กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.5%) – 1740 จุด (กรณี กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25%) ทั้งนี้ในเชิงของปัจจัย แวดล้อมทางพื้นฐาน แม้เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวสวนทางเศรษฐกิจโลกที่หลาย ประเทศชะลอตัว แต่แรงกดดันจากภาวะ Recession ก็จะมีผลกระทบในเชิง Sentiment ต่อตลาด และอาจเปิด Downside ในเชิงประมาณการ ในอีกทางหนึ่ง ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ก็จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เป็นติดตามใกล้ชิด
แม้ SET Index จะผ่าน 1650 จุด อย่างง่ายดาย แต่ก็ถือเป็นการผ่านที่ไม่ค่อยมี คุณภาพ ระยะสั้นอาจเห็นแรงเหวี่ยงขึ้น แต่ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวัน ประเมิน กรอบวันนี้ช่วง 1660 – 1680 จุด Top Pick เลือก AP, ADVANC และ HMPRO
ความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกชะลอตัวอาจยังตราตรึงในปี 2023
หลายประเทศเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวช่วงปีที่ผ่านมา จนทำให้ตัวเลขทาง เศรษฐกิจส่วนใหญ่ออกมาในทางลบ ทั้ง Manufacturing PMI, Retail Sales, Foreign Reserve , Non-Farm Payroll เป็นต้น ขณะที่ล่าสุด IMF ยังคงออกมาเตือนว่า เศรษฐกิจ โลกในปี 66 มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะ Recession (GDP โลกปี 66F ขยายตัวเพียง 2.7%YoY) เนื่องจาก จีน สหรัฐ และยุโรปซึ่งเป็น 3 เสาหลักเศรษฐกิจโลกหดตัวพร้อมกัน ซึ่งเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปหดตัวจากการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง ส่วนจีน ยังมีความเสี่ยงเผชิญการชะลอตัวทางกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เนื่องจากผู้ติดเชื้อที่ยังเพิ่ม สูงขึ้น ภายใต้การผ่อนคลายมาตรการ Zero-Covid
นอกจากนี้ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical Risk) ยังคงเป็นประเด็นที่น่าติดตาม อย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีความไม่แน่นอนสูงและยังไม่มีท่าทีว่าจะสิ้นสุด ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง ปัจจัยที่อาจส่งต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงความผันผวนในตลาดหุ้น ขณะที่ ผู้นำแต่ละประเทศยังออกแสดงจุดยืนของประเทศ ดังนี้
• ความตรึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี โดยผู้นำเกาหลีเหนือวางเป้าหมายใหม่ปี 2023 ว่าจะพัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีป (ICMB) รุ่นใหม่ และเพิ่มการผลิตอาวุธ นิวเคลียร์ที่รุนแรงมากขึ้น เพื่อปกป้องความมั่นคงของประเทศ
• สงครามรัสเซียยูเครน โดยผู้นำรัสเซียสัญญากับชาวรัสเซียว่าจะได้รับชัยชนะ สงครามกับยูเครนในท้ายที่สุด และยังคงส่งโดรนถล่มกรุงเคียฟต่อเนื่อง มุ่งเป้าไป ที่โครงสร้างพื้นฐานและพื้นที่รอบๆ เมืองหลวงของยูเครน
• ความตรึงเครียดในช่องแคบไต้หวัน โดยสหรัฐฯ เตรียมจำหน่ายระบบต่อต้าน รถถัง Volcano มูลค่า 180 ล้านเหรียญ ให้กับไต้หวัน เพื่อเสริมกองกำลังไต้หวัน ให้มีความคล่องตัวมากขึ้น พร้อมกับรักษาเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาค
ขณะเดียวกัน Bloomberg ได้ประเมินโอกาสการเกิด Recession ในยุโรปสูงถึง 80% สหรัฐ 65% และขณะที่ไทยมีโอกาสเกิดเพียง 13% นอกจากนี้เศรษฐกิจไทยยังขยายตัว ต่อเนื่องสวนทางกับตลาดโลก (ปี 65F และปี 66F ขยายเฉลี่ย 3.1%YoY และ 3.8%YoY ตามลำดับ) ซึ่งถือเป็นหนึ่งแรงจูงใจให้นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิหุ้นไทยในระยะถัดไป
สรุป 3 เสาหลักเศรษฐกิจโลกอาจหดตัวพร้อมกัน ส่งผลให้หลายประเทศทั่วโลกอาจ เผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยยังคงเติบโตกว่าเศรษฐโลกจากการ ท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศ แต่ปัจจัยบวกดังกล่าวได้สะท้อนไปในราคาแล้ว ส่งผลให้ตลาดอาจผันผวนหากมีปัจจัยเสี่ยงใหม่เข้ามารบกวน เช่น ความเสี่ยง ภูมิศาสตร์รัฐศาสตร์ที่รุนแรงมากขึ้น
TARGET SET ปีนี้ UPSIDE จำกัด มองกรอบบน 1740 จุด
ความกังวลประเด็นเศรษฐกิจหลายประเทศเข้าสู่ Recession, การเก็บภาษีขายหุ้นอัตรา 0.11% เริ่ม 2Q66 และการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของ กนง. ในปีนี้(มีการประชุมครั้งแรกใน ปี 66 คือ 25 ม.ค. 66 และครั้งถัดไป 29 มี.ค. 66) ถือเป็นประเด็นที่คอยรบกวน พร้อมกับ จำกัด Upside ตลาดหุ้นไทยในปี 2566 ซึ่งฝ่ายวิจัญคาดว่า กนง.มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ย 1-2 ครั้งในปีนี้ ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในช่วง 1.50% - 1.75%
โดยปัจจุบันฝ่ายวิจัยฯ ประเมินดัชนีเป้าหมายในปี 2566 ภายใต้สมมุติฐานดอกเบี้ย นโยบายที่ 1.50%(ขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้) อิงกับ MEYG เฉลี่ย 4.2% จะได้ P/E ที่ เหมาะสม 17.54 เท่า เมื่อคูณกับ EPS66F 99.2 บาท/หุ้น (เติบโต 6%YoY) จะได้ Target SET 1740 จุด
แต่ถ้าเกิดมีการขึ้นดอกเบี้ยของ กนง. 0.50% (ขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้) มาที่ 1.75% ตาม กลไกจะกดดัน P/E ตลาดให้ซื้อขายถูกลง 0.73เท่า เหลือ 16.81เท่า รวมถึงเป้าหมายดัชนี ลดลง 73 จุด เหลือ 1667 จุด
สรุป ในเบื้องต้นดัชนีเป้าหมายในปี 2566 อยู่ในกรอบ 1667 – 1740 จุด (ภายใต้ ดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.75% -1.50%) แสดงให้เห็นว่า Upside ตลาดค่อนข้างจำกัด แต่ ถ้าประเด็นอัตราเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลง และเศรษฐกิจไทยไม่ได้มีความเสี่ยงที่จะชอลง ตัวลง คาดเป็นประเด็นที่ทำให้กนง.ไม่ได้รีบเร่งขึ้นดอกเบี้ยมากนัก ช่วยหนุน Target SET เอนเอียงไปทางกรอบบน (1740 จุด) นานขึ้น
ปีนี้ DELTA จะมีผลให้ SET50 และ TFEX ผันผวนมากขึ้น
วันสุดท้ายของการซื้อขายปี 2022 (30 ธ.ค. 65) แม้ SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.46 จุด แต่หลักๆ เป็นการผลักดันจาก DELTA ที่ระหว่างวันขึ้นไปสูงถึง 21.3% (กลายเป็นหุ้นที่มี Market Cap สูงสุดใน SET) หลังจากนั้นราคาปิดย่อตัวลงมาเหลือบวก15% (Market Cap สูงเป็นอันดับ 2 รองจาก AOT (BK:AOT)) หนุน SET บวก 11 จุด แสดงว่าหากหัก DELTA ออก SET Index จะติดลบ 3 จุดกว่าๆ ซึ่งการขึ้นแรงในวันเดียวของ DELTA ส่วนหนึ่งเกิดจากการ ปรับพอร์ตของกองทุน สำหรับการต้อนรับ DELTA เข้าดัชนี SET50 และ SET100
หากพิจารณาตลอดปี 2022 DELTA มีผลกระทบต่อ SET Index มาก เนื่องจากราคาหุ้น ปรับขึ้นมา 101% จาก 412 มา 830 บาท หนุน SET ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงถึง 42.8 จุด ในทาง กลับกัน SET50 ไม่ได้แรงหนุนจากเรื่องนี้ และถ้าตีเป็นมูลค่า SET50 ขาดแรงหนุนจาก DELTA ที่ขึ้นมาในปี 2022 ถึง 42.3 จุด
แต่ปัจจุบัน DELTA จะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของ SET50 Index และ TFEX แล้ว หลังได้ ถูกคัดเลือกเข้าดัชนี SET50 ในช่วง 1H23 คาดมีโอกาสทำให้ SET และ SET50 กลับมาผัน ผวนมากขึ้น จึงทำให้นักลงทุนที่ซื้อขายหุ้นโดยตรง หรือ ซื้อขายสัญญา SET50 Futures ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในการลงทุนตั้งแต่ต้นปีหน้า ซึ่งปัจจุบันการเคลื่อนไหว 1% ของ DELTA ส่งผลต่อ SET50 ขยับถึง 0.84 จุด และ SET 0.85 จุด
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities