ภาพรวมการลงทุน: เราคาดว่า SET วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,610-1,635 จุด คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบ sideway จากแรงซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงาน ตามทิศทางราคาน้้ามันดิบที่ปรับเพิ่ม จากการคาดหมายว่าต่อการที่จีน เตรียมเพิ่มนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมการท้างานด้านเศรษฐกิจส่วนกลาง (Central Economic Work Conference) ซึ่งยังคงต้องติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมวันนี้ (15 ธ.ค.) อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของ SET ยังเป็นไปอย่างจ้ากัด หลังวานนี้ SET สะท้อนปัจจัยบวกไประดับหนึ่ง รวมไปถึงการประชุม FOMC ล่าสุด คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 5.1% ในปี 2566 (เทียบเท่ากับ ช่วงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ย 5.00-5.25%) และจะยังไม่มีการปรับลดดอกเบี้ยในปี 2566 ถือเป็นปัจจัยลบกดดัน การฟื้นตัวของ SET อย่างไรก็ตาม วันนี้ (15 ธ.ค.) ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลาง อังกฤษ (BoE)
เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 50bps ตามคาด เป็น 4.5% พร้อมขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องในปี 2566 ก่อนจะเริ่มปรับลดในปี 2567 - 5 ประเด็นที่ได้จากการประชุม FOMC (1) คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% เป็นไปตามที่คาด (2) การ คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปี 2566 และ จะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2567 โดยเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 5.1% ในปี 2566 (เทียบเท่ากับช่วงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ย 5.00-5.25%) ก่อนที่จะสิ้นสุดวัฏจักรปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยระดับดังกล่าวเป็น ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2550 โดยการดำเนินการด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2566 คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สู่ 5.00-5.25% เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวเป็นระยะเวลาหนึ่ง เพื่อจับตาดูผลกระทบของการคุมเข้ม นโยบายการเงินที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และปี 2567 คาดลดดอกเบี้ย 1.00% สู่ 4.00-4.25% ปี 2568 คาดลดดอกเบี้ย 1.00% สู่ 3.00-3.25% (3) เฟดคาดว่า GDP สหรัฐฯ จะมีการขยายตัว 0.5% ในช่วงสิ้นปี 2565 เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์ เดิมที่ 0.2% แต่ปรับลดคาดการณ์ GDP ในปี 2566 สู่ระดับ 0.5% จากเดิมที่ระดับ 1.2% และคาดว่าจะขยายตัว 1.6% และ 1.8% ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ ขณะที่การขยายตัวในระยะยาวอยู่ที่ระดับ 1.8% (4) คาดว่าอัตราว่างงาน จะแตะระดับ 3.7% ในสิ้นปี 2565 ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 3.8% และเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.6% ทั้งในปี 2566 และ 2567 ก่อนที่จะชะลอตัวลงสู่ระดับ 4.5% ในปี 2568 ขณะที่อัตราว่างงานระยะยาวอยู่ที่ 4.0% และ (5) คาดอัตรา เงินเฟ้อพื้นฐานจะแตะระดับ 4.8% ในสิ้นปี 2565 เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 4.5% และจะชะลอตัวสู่ระดับ 3.5%, 2.5% และ 2.1% ในปี 2566 2567 และ 2568 ตามลำดับ
กลยุทธ์การลงทุน หุ้นในพอร์ต 50% แนะนำพอร์ต 888 หุ้นน่าลงทุน – เราให้น้ำหนักหุ้นในพอร์ต 50% กลยุทธ์การ ลงทุน แนะนำพอร์ต 888 หุ้นน่าลงทุน ได้แก่ 8 หุ้นเก็งกำไรปลายปี 2565 (เล่นระยะสั้น) เราเลือก TOP SPRC PTTGC SCC CRC PTG SUSCO OSP / 8 หุ้นเด่นถือข้ามปี (เล่นระยะกลาง-ยาว) เราเลือก ADVANC AOT (BK:AOT) BAFS BGRIM BEM CPALL (BK:CPALL) GPSC MAKRO / 8 หุ้นพื้นฐาน Valuation ต่ำ ราคายังไม่กลับไปก่อน Covid-19 (เล่นระยะกลาง-ยาว) – เรา เลือก BAM BBL BCPG CPF HMPRO MINT PTT (BK:PTT) EGCO
สัปดาห์นี้ ติดตามการประชุม BOE และ ECB รายงานเงินเฟ้อ EU รวมไปถึงการรายงาน PMI ของญี่ปุ่น อังกฤษ ยูโร โซน และสหรัฐฯ - 15 ธ.ค. : ญี่ปุ่น – ดุลการค้า เดือน พ.ย. (คาดการส่งออกขยายตัว 19.8%yoy) / จีน - ดัชนีการผลิต ภาคอุตสาหกรรมของจีน เดือน พ.ย. และผลผลิตอุตสาหกรรมของจีนตั้งแต่ต้นปี เดือน พ.ย. / อังกฤษ – การประชุม ธนาคารกลางอังกฤษ (คาดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50bps สู่ระดับ 3.5%) / ยูโรโซน – การประชุมธนาคารกลาง ECB (คาดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50bps สู่ระดับ 2.0%) / สหรัฐฯ - ดัชนียอดขายปลีกพื้นฐาน (Core Retail Sales) เดือน พ.ย. จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (คาด 2.3 แสนตำแหน่ง) ดัชนีภาคการผลิตเขตรัฐนิวยอร์ก เดือน ธ.ค. ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย เดือน ธ.ค. ดัชนีการจ้างงานจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย เดือน ธ.ค.และดัชนียอดขายปลีก เดือน พ.ย. ดัชนีภาคการผลิตอุตสาหกรรม เดือน พ.ย. การผลิตในภาคอุตสาหกรรม เดือน พ.ย. สินค้าคงคลังในระบบธุรกิจ เดือน ต.ค. สินค้าคงคลังในกิจการค้าปลีกไม่รวมธุรกิจยานยนต์ เดือน ต.ค. และ ดัชนีธุรกรรมระยะยาวสุทธิจากสถาบัน TIC เดือน ต.ค. // 16 ธ.ค. : ญี่ปุ่น – ดัชนี PMI ภาคบริการ เดือน พ.ย. / อังกฤษ - ดัชนียอดขายปลีกพื้นฐาน เดือน พ.ย. ดัชนียอดขายปลีกพื้นฐาน เดือน พ.ย. ดัชนียอดขายปลีก (Retail Sales) เดือน พ.ย. ดัชนียอดขายปลีก เดือน พ.ย. และดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ เดือน ธ.ค. / เยอรมนี - ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ เดือน ธ.ค. / ยูโรโซน - ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ เดือน ธ.ค. ดุลการค้า เดือน ต.ค. และดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (CPI และ Core CPI) เดือน พ.ย. (คาด CPI เพื่มขึ้น 10.0%yoy และ Core CPI เพิ่มขึ้น 5.0%yoy) / สหรัฐฯ - ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ เดือน ธ.ค.
ปัจจัยทางเทคนิค – หุ้นแนะนำทางเทคนิค ได้แก่
TISCO (แนวต้าน 103.5-105.5 / แนวรับ 98.50-97.75 / Stop loss 93.50)
OSP (แนวต้าน 30.50-31.00 / แนวรับ 29.00-28.25 / Stop loss 27.50)
AP (แนวต้าน 11.7- 12.0 / แนวรับ 11.1-10.8 / Stop loss 10.5)
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities