รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ความกังวลจากการเก็บภาษีจากการขายหุ้น 

เผยแพร่ 08/12/2565 09:44
อัพเดท 09/07/2566 17:32

ปัจจัยภายนอกที่น่าสนใจคงเป็นท่าทีของรัฐบาลจีนที่ผ่อนคลายมาตรการควบคุม Covid-19 ต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะสร้างความคาดหวังเชิงบวกให้กับกลุ่มท่องเที่ยวโรงแรม ในตลาดหุ้นบ้านเรา แต่ก็ไม่น่าจะมีน้ำหนักนการขับเคลื่อ SET Index อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่อยู่ในความสนใจมากว่าในช่วงนี้ได้แก่ กรณีการจัดเก็บภาษี ธุรกิจเฉพาะจากการขายหุ้น โดยคาดว่าจะเริ่มเก็บใน 2Q66 ด้วยอัตรา 0.055% และเพิ่มเป็น 0.11% ในปี 2567 ซึ่งเรามองว่าน่าจะเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อ ตลาดหุ้น ทั้งในมุมของปริมาณการซื้อขายที่น่าจะลดลงเนื่องจากต้นทุนการทำ รายการซื้อขายสูงขึ้น โดยส่วนที่ต้องให้ความสนใจคือกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ซึ่ง ปัจจุบันพบว่ามีTurnover สูงกว่ากลุ่มนักลงทุนในประเทศ และหาก Turnover ลดลง ก็จะมีผลกระทบต่อการขับเคลื่อน SET Index ในอีกทางหนึ่งด้วย

ป้จจัยจากภายนอกดูไม่มีเรื่องที่จะมีน้ำหนักในการขับเคลื่อน SET Index แต่ความ สนใจน่าจะไปอยู่ที่ผลพวงจากการที่ รัฐบาลตัดสินใจเก็บภาษีจากการขายหุ้นคาด SET Index อยู่ในกรอบ 1610 – 1630 จุด Top Pick เลือก AP, CBG และ TISCO

จีนผ่อนคลายโควิดเพิ่มขึ้น หวังเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวปีหน้า

ทางการจีนผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 มากขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางเดือน พ.ย. ที่ผ่าน มา หลังมีประชาชนจำนวนมากออกมาประท้วงต่อต้านนโยบาย Zero-Covid ที่เข้มงวด ของรัฐบาลจีน บวกกับเศรษฐจีนมีความเสี่ยงถดถอยจากมาตราการดังกล่าว เนื่องจากการ บริโภคภายในประเทศทรุดตัวและการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์สะท้อนจากยอด การนำเข้าเดือนพ.ย. ร่วงลงราว -10.6% YoY (ต่ำกว่าตลาดคาดไว้ที่ -5%YoY) ปรับตัว ลดลงจากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ -0.7%YoY

และล่าสุดทางการจีนได้ผ่อนปรนมาตราการ Zero-Covid เพิ่มเติมอีก 10 ข้อ เพื่อ ปรับเปลี่ยนแนวทางการควบคุมโรคระบาด ได้แก่

1. ผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ/อาการน้อยสามารถกักตัวที่บ้านได้ (เดิมต้องเข้าศูนย์กักตัวของรัฐ)

2. การตรวจ PCR จะลดความถี่และจำนวนลง

3. การบังคับตรวจเชื้อจากประชาชนจำนวนมาก ทำเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงสูงและโรงเรียน

4. ยกเลิกการแสดงผลตรวจเป็นลบสำหรับการเดินทางข้ามเขต

5. การเร่งฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุ

6. ห้ามเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกำหนดพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นที่มีความเสี่ยงสูง เช่น บ้านจัดสรร

7. ห้ามระงับการดำเนินงานหรือการผลิต หากไม่ใช่สถานที่ที่ถูกกำหนดว่ามีความเสี่ยงสูง

8. ห้ามการบังคับล็อคประตูในชุมชน

9. โรงเรียนที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยจะกลับมาเปิดสอนในชั้นเรียนอีกครั้ง

10. ยกเลิกข้อห้ามการซื้อยา สำหรับไข้ ไอ และหวัด

นอกจากนี้ทางการจีนประกาศว่าจะมุ่งเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาฟื้นตัวในปี 66 หลังโควิดคลี่คลาย ด้วยการดำเนินนโยบายการคลังเชิงรุกและกำหนดนโยบายการเงินที่มี เป้าหมายและมีประสิทธิภาพ และตั้งเป้าว่าปีหน้า GDP จีนจะขยายตัวไม่น้อยกว่า 5% หรือ 5.5% ทั้งนี้เป็นดังกล่าวยิ่งเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจไทย ทั้งภาคการส่งออกและภาคการ ท่องเที่ยวในระยะกลาง-ยาวให้กลับมาฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับประมาณการของ สำนักเศรษฐกิจต่างประเทศที่จีนและไทยเป็น 2 ประเทศในแถบเอเซีย ที่เศรษฐกิจจะ ขยายตัวต่อได้ในปีหน้า

สรุป ทางการจีนผ่อนคลายมาตราการ Zero-Covid เพิ่มเติม หลังการประท้วงและ เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มชะลอตัว อีกทั้งทางการจีนออกมาส่งสัญญานเริ่มกระตุ้น เศรษฐกิจช้วงปีหน้าหลังโควิดคลี่คลาย ขณะที่เศรษฐไทยคาดว่าจะได้รับอานิสงค์ ดังกล่าวทั้งภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง ท่ามกลางความ เสี่ยงเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะ Recession จึงยิ่งเป็นการสร้างความน่าสนใจให้ต่างชาติ เข้ามาลงทุนในบ้านเรา

เงินเฟ้อไทยเดือน พ.ย. อยู่ที่ 5.55% ต่ำกว่าคาด เน้นหุ้นกลุ่ม DOMESTIC CONSUMPTION

ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น 5.55%YoY (ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 5.8%YoY และเดือนก่อนหน้า 5.98%YoY) และชะลอลงเป็นเดือนที่ 3 ส่งผลให้ CPI 11 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ย.) อยู่ที่ 6.1%YoY โดยลดลงจากราคาสินค้ากลุ่มอาหารสด อาทิ เนื้อหมู ไข่ไก่ ผัก ผลไม้ ฯลฯ ส่วนแนวโน้มเดือน ธ.ค.65 คาดว่าเงินเฟ้อชะลอตัวลงต่อเนื่อง ตามราคาน้ำมันในตลาดโลก ขณะที่ทั้งปี 2565 กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์ว่าอัตรา เงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ที่ 6% หรือในกรอบที่ 5.5-6.5% ทั้งนี้ เมื่อเทียบอัตราเงินเฟ้อไทยกับ ต่างประเทศ พบว่า อัตราเงินเฟ้อของไทยอยู่ในระดับดีกว่าหลายประเทศ ทั้งสหรัฐฯ +7.7%YoYยุโรป +10.0%YoYอังกฤษ +11.1%YoYอินเดีย +6.8%YoY และ ฟิลิปปินส์ +8.0%YoY

และหากนำสมมุติฐานเงินเฟ้อเดือน พ.ย.65 ที่ระดับ -0.13%MoM มาคิดต่อในเดือน ถัดๆไป จะทำให้เงินเฟ้อทยอยลดลงต่อเนื่อง มาอยู่ที่ 1%-3% ในไตรมาส 1-2 ปี2566 (ซึ่ง เข้าสู่กรอบเป้าหมายเร็วกว่าที่ ธปท. คาดการณ์ไว้ในไตรมาส 3 ของปีหน้า) ดังนั้น สัญญาณ อัตราเงินเฟ้อที่ผ่านจุดสูงสุดและมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ถือเป็น Sentiment บวกต่อ SET Index ในระยะถัดไป โดยวันนี้คาดกรอบการเคลื่อนไหวในระดับ 1610-1630 จุด

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

สรุป อัตราเงินเฟ้อที่ผ่านพีค ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยผ่อนคลายต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ไทย ซึ่งกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นเด่นรับเงินฟ้อชะลอตัว คือ การเงิน MTC SAWAD, อุปโภคบริโภค CBG CRC COM7, หุ้นปันผลสูงจ่ายปีละครั้ง TISCO AP NOBLE ASK ส่วน Toppicks วันนี้เลือก AP, TISCO, CBG

5 มุม ที่อาจจะส่งผลต่อตลาดหุ้น หากรัฐเก็บภาษีขายหุ้นในปีหน้า

ฝ่ายวิจัยฯ ทำการประเมินสิ่งที่นักลงทุนต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลง หากรัฐบาลมีการ เรียกเก็บภาษีขายหุ้นในปี 2566 จะส่งผลต่อนักลงทุนและตลาดหุ้นดังนี้

1. ภาระค่าธรรมเนียมซื้อขายหุ้นสูงขึ้นถึง 64% ของค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม โดย ปัจจุบันธุรกิจโบรกเกอร์มีค่อ Comm. เฉลี่ย 0.086% หากมีการเก็บภาษีขายหุ้น 0.11% (ซึ่งเป็นอัตราการเรียกเก็บภาษีที่กำหนดไว้ตั้งแต่ปี 2534 แต่ก่อนค่า Comm. สูงกว่าปัจจุบันมาก) จะทำให้นักลงทุนมีภาระค่า Comm. ที่สูงขึ้นถึง 64%

2. ช่วงระยะเวลาในการขึ้นภาษีเป็นช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น ตามกลไกช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น กดดันระดับ P/E ในการซื้อขายจะถูกลดทอนอยู่แล้ว หากขึ้นภาษีตอกย้ำให้สภาพ คล่องในระบบลดลงอีก

3. ช่วงระยะเวลาในการเก็บภาษีปีหน้าเป็นช่วงที่เศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ช่วง Recession หากมีการขึ้นภาษีเวลานี้ ทำให้เสนห์ตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจ น้อยลงไป

4. นักลงทุนต่างชาติเป็นผู้รับภาระค่า Comm. สูงกว่านักลงทุนในประเทศ เนื่องจาก ต่างชาติซื้อขายหุ้นไทย 2022 ต่อปี 8.40 ล้านล้านบาท แต่มีสัดส่วนการ ถือครองหุ้นไทย + NVDR เพียง 28.2% คิดเป็นมูลค่าตลาด 5.58 ล้านล้านบาท แสดงว่ามี Turnover ในการซื้อขายสูงถึง 150% ต่างกับนักลงทุนไทยทั้งหมดซื้อ ขายหุ้นไทย 2022 ต่อปีสูงกว่าต่างชาติเล็กน้อย 9.12 ล้านล้านบาท แต่มีสัดส่วน การถือครองหุ้นไทย สูงถึง 71.8% 14.2 ล้านล้านบาท

5. สถิติในปี 2011 – 2022 (12 ปี) ชี้ให้เห็นว่าผลตอบแทนเฉลี่ยตลาดหุ้นไทยมัก ไม่ดีในช่วงที่สภาพคล่องซื้อขายต่ำ สะท้อนได้จากข้อมูล Histogram Turnover ของ SET 2011 – 2022 เทียบกับผลตอบแทนเฉลี่ยรายวัน พบว่า เวลาที่มูลค่าซื้อ ขายสูงกว่าค่าเฉลี่ย (Turnover 87% ต่อปี) ถึง +1SD (Turnover 114.5% ต่อปี) ตลาดหุ้นมีโอกาสให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีสูงถึง 18.3% แต่ถ้ามูลค่าซื้อขายอยู่ใน ระดับปกติ (ช่วง -1SD ถึง ค่าเฉลี่ย) ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีจะลดหลั่นลงมาเหลือ +5.6% ต่อปี แต่เวลาที่มูลค่าซื้อขายต่ำกว่า -1SD (Turnover 59.7% ต่อปี) ให้ ผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบ -2.9% ดังนั้นภายใต้มูลค่าซื้อขายที่มีโอกาสลดลงใน อนาคต

สรุปจาก 5 มุมมองดังกล่าว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคต่อตลาดหุ้นที่นักลงทุนต้องเตรียม เผชิญ พร้อมกับปรับกลยุทธ์การลงทุนในปี 2566 ให้เหมาะสมมากขึ้น

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย