🏃 คว้าข้อเสนอ Black Friday ก่อนใคร รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ตอนนี้!รับส่วนลด

ดูเชิงกันต่อไปอีกสักพัก 

เผยแพร่ 23/11/2565 09:24
SETI
-

ปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานดูยังไม่เห็นการเปลี่ยแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยประเด็น ที่เพิ่มเติมเข้ามาเป็นการคาดการณ์ World GDP Growth ของ OECD ซึ่งคาดปี 2566 จะอยู่ที่ 2.2% YoY เทียบกับของ IMF และ World Bank ที่คาด 2.7% และ 3% ตามลำดับ ทั้งนี้หากพิจารณาในรายละเอียดพบว่าโซนของประเทศพัฒนาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นยุโรป หรือสหรัฐฯ มีการเติบโตระดับต่ำ หรือในบางประเทศ GDP Growth ติดลบ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงสำหรับการค้าระหว่างประเทศ แต่ในอีกทาง หนึ่งก็สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสของการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินเข้าโซนเอเซีย การกำหนด กลยุทธ์การลงทุนของ เรา ยังคงให้น้ำหนักไปในหุ้นกลุ่มที่พึ่งพาการเติบโตจากภาค เศรษฐกิจในประเทศหรือ Domestic Consumption เป็นหลักส่วนประเด็นเรื่อง Covid ในจีนที่กลับมาระบาดแรง ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจสร้างแรงกดดัน

SET Index ยังน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามามี อิทธิพล ประเมินกรอบช่วง 1610 – 1631 จุด สำหรับหุ้น Top Pick วันนี้เลือก CK, COM7 และ KTB

ตลาดทรงๆ แต่ยังน่าสะสม ตามภาพเศรษฐกิจไทยยังเติบโตเด่นกว่า ประเทศอื่นๆ ในปีหน้า

Fund Flow มีการชะลอไหลเข้าหุ้นไทยในช่วงสั้นๆ โดยเป็นการสลับซื้อสลับขายมาตลอด สัปดาห์กว่าๆ ที่ผ่านมา กดดันให้SET Index ยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ

อย่างไรก็ตามในมุมมองของฝ่ายวิจัยฯ เชื่อว่ายังเป็นจังหวะในการสะสมหุ้นเพื่อหวังผลใน ระยะยาว เนื่องจากเศรษฐกิจไทยในปีหน้าในมุมมองของสำนักเศรษฐกิจต่างประเทศยังมี ทิศทางเติบโตเด่นกว่าหลายๆ ประเทศ

ล่าสุด OECD ประเมินการเติบโตเศรษฐกิจโลกในปี 65 อยู่ที่ 3.1%YoY และในปี 66 คาด ว่าจะขยายตัวลดลงอยู่ที่ 2.2%YoY โดยสาเหตุหลักที่ทำให้เศรษฐกิจโลกกำลังสูญเสีย Momentum ของการเติบโต เนื่องจากธนาคารกลางต่างๆ ดำเนินนโยบายการเงินที่ เข้มงวดทำให้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น บวกกับราคาพลังงานที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้การเติบโต ของรายได้ครัวเรือนและความเชื่อมั่นในการบริโภคลดลง ขณะที่เศรษฐกิจของยุโรป และ สหรัฐ ปี 66 ขยายตัวเท่ากันเพียง 0.5%YoY

ขณะที่ปัญหาด้านเงิน ภาพใหญ่ของโลกน่าจะผ่อนคลายลง เพียงแต่ในบางพื้นที่อย่างเช่น ยุโรปยังอยู่ในขาขึ้น เป็นเพราะได้รับผลกระทบจากการ Sanction รัสเซีย ทำให้ราคา อาหารและพลังงานพุ่งสูงขึ้น ทำให้การปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงยังดำเนินต่อไป แต่สำหรับใน โซนอื่นๆ OECD ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อจะเริ่มทยอยลดลงในปีหน้า และเข้าสู่กรอบ เป้าหมายของแต่ละประเทศในที่สุด

กลับมาพิจารณามุมมองเศรษฐกิจไทย สำนักเศรษฐกิจของต่างประเทศมีมุมมองที่ดีต่อ เศรษฐกิจไทย โดย IMF และ Worldbank คาด GDP Growth ปีหน้าของไทยอยู่ที่ 3.7%YoY (ประเมินรอบ ต.ค.65) และ 4.3%YoY (ประเมินรอบ มิ.ย.65) ตามลำดับ ซึ่ง มากกว่าประมาณการ GDP Growth ของโลก สหรัฐฯ และ ยุโรป ที่ GDP Growth ปีหน้า อยู่ในช่วง 0.5%YoY-3.0%YoY

สรุป ประมาณการ GDP Growth ปีหน้าของไทยเด่นกว่าโลก สหรัฐฯ และยุโรป ทำให้ มีโอกาสเห็นเม็ดเงินโยกย้ายเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย สอดคล้องกับแนวคิดของฝ่ายวิจัยฯที่ คาด ภาพรวมเศรษฐกิจไทยขยายต่อตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีนี้ จนถึงปีหน้า ด้วยแรงหนุน จากภาคการท่องเที่ยว การใช้จ่ายภายในประเทศ รวมถึงการลงทุนของภาครัฐใน โครงสร้างพื้นฐาน ดีต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว อาทิAOT CENTEL CPN, กลุ่ม Domestic Consumption อาทิ CRC COM7, กลุ่มก่อสร้าง – นิคม อาทิ CK STEC, กลุ่มธนาคาร พาณิชย์ อาทิ KTB BBL เป็นต้น

ส่วนวันนี้คาด SET Index ยังอยู่ในช่วงรอ Fund Flow ใหม่หนุน โดยเคลื่อนไหวใน กรอบเดิม 1610 – 1631 จุด Top pick เลือก KTB, COM7, CK

ยกเลิกทำ TENDER OFFER TRUE, DTAC แต่ไม่ยกเลิกควบรวม

TRUE และ DTAC ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า บจ.ซิทริน โกลบอล และ Citrine Venture SG Pte Ltd. ได้ประกาศยกเลิกการทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ TRUE และ DTAC โดยสมัครใจ เนื่องจากเงื่อนไขบังคับก่อนทำคำเสนอซื้อฯยังไม่แล้วเสร็จภายใน กรอบเวลา 1 ปี (นับจากวันที่ 20 พ.ย. 65 ซึ่งทั้ง บจ.ซิทริน โกลบอล และ Citrine Venture SG Pte Ltd. ได้เคยประกาศทำคำเสนอซื้อฯ)

ฝ่ายวิจัยมองว่าประเด็นนี้เป็นลบระยะสั้นต่อราคาหุ้นของทั้ง TRUE และ DTAC เพราะ จะไม่มีราคาเสนอซื้อฯให้เก็งกำไรในระยะสั้นอีก อย่างไรก็ตามเป็นการยกเลิกการทำคำ เสนอซื้อฯ แต่ไม่ได้ยกเลิกการควบรวมกัน ดังนั้นผู้ถือหุ้น TRUE และ DTAC ที่ยัง ต้องการแปลงหุ้นไปเป็นบริษัทใหม่ยังสามารถทำได้ ทั้งนี้เรายังคาดว่าการควบรวมและ การจัดตั้งบริษัทใหม่จะเกิดขึ้นได้ในช่วง 1Q66 จึงยังคงคำแนะนำ SWITCH จาก TRUE (ราคาเป้าหมาย 5.35 บาท) ไป “ซื้อ” DTAC (ราคาเป้าหมาย 56 บาท) ที่มีต้นทุนใน การแปลงหุ้นเป็นบริษัทใหม่ที่ต่ำกว่า ขณะที่ยังมี upside จากราคาตลาดที่สูงกว่า อย่างไรก็ตามเรามองว่าหากกระบวนการควบรวมมีความคืบหน้ามากขึ้น อาจมีการ ประกาศทำคำเสนอซื้อรอบใหม่ ภายใต้เงื่อนไขใหม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อไป

OUTLOOK ไตรมาส 4 กลุ่ม ICT, ค้าปลีก

สัปดาห์นี้ฝ่ายวิจัยฯนำเสนอ OUTLOOK ไตรมาส 4 รายอุตสาหกรรม โดยจะแบ่งเนื้อหาใน ทุกๆวันลง Market Talk ซึ่งมีกำหนดการ ดังนี้

• จันทร์21 พ.ย.65 กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี, โรงไฟฟ้า

• อังคาร 22 พ.ย. 65 กลุ่มวัสดุก่อสร้าง, รับเหมาก่อสร้าง, อสังหา

• พุธ 23 พ.ย.65 กลุ่ม ICT, ค้าปลีก

• พฤหัสบดี24 พ.ย.65 กลุ่มธนาคาร, ท่องเที่ยว, ยานยนต์, มีเดีย

• ศุกร์ 25 พ.ย.65 กลุ่มเกษตรอาหาร, เช่าซื้อ และอื่นๆ

กลุ่ม ICT

กำไรโดยรวมของกลุ่มงวด 4Q65 น่าจะโตได้ตามกำไรของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือที่มี แนวโน้มโต QoQ จาก 1) ผลของฤดูกาล ที่ช่วงปลายปีมักมีการใช้งานมือถือสูง 2) กำลังซื้อ ที่ดีขึ้นจะหนุนทั้งการใช้งานและการเปลี่ยนมือถือเครื่องใหม่ และ 3) อานิสงส์จากการขาย ไอโฟน 14 เต็มไตรมาส หลังเริ่มเปิดจำหน่ายในช่วงปลาย ก.ย.65 แต่ไม่น่าจะเห็นการ เติบโต YoY เมื่อเทียบกับฐานสูงใน 3Q64

แนวโน้มกำไรปี 66 จะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง ตามภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่คาด จะดีขึ้น โดยคาด EPS ของหุ้นที่ศึกษาจะโตได้ 9% จึงคงน้ำหนักการลงทุน เท่ากับตลาด เลือก ADVANC (FV@239), DTAC (FV@56บ.)เป็น Top picks จากกำไร ADVANC ที่จะฟื้นตัวได้ และปันผลที่ยังจูงใจราว 4.1% ส่วน DTAC คาดจะควบรวมได้และ จัดตั้งบ.ใหม่ภายใน 1Q66 ซึ่งปัจจุบัน DTAC ยังมี upside จากราคาเสนอซื้อสูงกว่า TRUE ขณะที่มีต้นทุนในการแปลงเป็นบริษัทใหม่ที่ต่ำกว่า TRUE ส่วนตัวเลือกรองลง ไป คือ INTUCH (FV@86.75) ที่เป็นตัวแทนของ ADVANC

กลุ่มค้าปลีก

ระยะสั้นกำไรกลุ่มค้าปลีกงวด 4Q65 มีแนวโน้มเติบโตได้ QoQ เพราะจะได้ผลบวกจาก ฤดูกาลที่ปลายปีเป็นช่วงจับจ่ายสูงกว่าไตรมาสอื่นๆ รวมทั้งกำลังซื้อที่มีแนวโน้มดีขึ้น หลัง มีมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อจากภาครัฐ ส่วนการเติบโตของกำไร YoY เป็นสิ่งท้าทายเมื่อ เทียบกับฐานสูงในช่วงเดียวกันของปีก่อน

ภาพปี 2566 กำไรกลุ่มยังโตได้ต่อเนื่อง จากรายได้ที่จะเร่งตัวขึ้นตามการเติบโตของ เศรษฐกิจที่ดีขึ้น และกำลังซื้อ หนุนการจับจ่ายสินค้า โดยคาดหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่เรา ศึกษาจะมีการเติบโตของกำไรในปี 2566 สูงถึง 33% ทำให้เรายังให้น้ำหนักการลงทุน กลุ่มค้าปลีก “มากกว่าตลาด” Top picks ของกลุ่มคือ COM7 (FV @47.50), CRC (FV@48.00), CPALL (BK:CPALL) (FV@75.00)

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย