ภาพรวมการลงทุน: เราคาดว่า SETวันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,610-1,645 จุด เราคาดว่า SET จะกลับมาฟื้นตัว ตอบรับเชิงบวกต่อการรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่มีสัญญาณการผ่าน จุดสูงสุดไปแล้ว โดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์จากนี้ ก่อนเข้าเดือน ธ.ค. เราเชื่อว่าการรายงาน ตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจ จะมีผลไม่มากต่อภาพรวมการลงทุน จนกว่าจะมีการรายงานเงินเฟ้อ สหรัฐฯ อีกครั้ง ทั้ง PCE (1 ธ.ค.) และ CPI เดือน พ.ย. (13 พ.ย.) รวมไปถึงรายงานอัตราการ ว่างงาน (2 ธ.ค.) จะท้าให้ตลาดกลับมาผันผวนในช่วงปลายเดือน พ.ย. เพื่อรอรายงานตัวเลข ดังกล่าว ก่อนการประชุม FOMC เดือน ธ.ค. (13-14 ธ.ค.) แม้ปัจจุบัน Consensus ยังให้ น้้าหนักการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50bps ซึ่งจะท้าให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ณ สิ้นปี 2565 อยู่ที่ 4.25%-4.50% กลุยทธ์การลงทุน ระยะสั้นเราปรับน้้าหนักหุ้นในพอร์ตเพิ่มขึ้นจาก 45% เป็น 55%
รายงาน CPI สหรัฐฯ เดือน ต.ค. เป็นปัจจัยหนุนการลงทุน - สหรัฐฯ รายงานตัวเลขเงินเฟ้อ CPI เดือน ต.ค. ออกมาต่่ากว่าคาดอย่างมีนัยส่าคัญ และต่่ากว่าที่ Market Consensus คาดไว้ที่ 7.7%- 8.1% เพิ่มน้่าหนักต่อการที่เฟดจะไม่เร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เหมือนในการประชุม 4 ครั้งที่ผ่าน มา ที่มีการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรอบละ 75bps ขณะที่ FedWatch Tool ของ CME Group ให้ น้่าหนักความเป็นไปได้มากถึง 90% ต่อการที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. ในอัตรา 50bps ซึ่งจะท่าให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ณ สิ้นปี 2565 อยู่ที่ 4.25%-4.50% กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของ ผู้บริโภค ประจ่าเดือน ต.ค. ต่่ากว่าคาด โดย CPI ทั่วไป (รวมหมวดอาหารและพลังงาน) เดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 0.4%mom และเพิ่มขึ้น 7.7%yoy ต่่ากว่าที่ Market Consensus คาดไว้ที่เพิ่มขึ้น 0.6%mom และเพิ่มขึ้น 7.9%yoy และเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราชะลอตัวลงจากเดือน ก.ย. ที่ เพิ่มขึ้น 0.4%mom และเพิ่มขึ้น 8.2%yoy ด้านดัชนี CPI พื้นฐาน (ไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน) เดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 0.3%mom และเพิ่มขึ้น 6.3%yoy ต่่ากว่าที่ Market Consensus คาดไว้ว่าจะ เพิ่มขึ้น 0.5%mom และเพิ่มขึ้น 6.5%yoy และปรับเพิ่มในอัตราที่ชะลอตัวลงจากเดือน ก.ย. ที่ เพิ่มขึ้น 0.6%mom และเพิ่มขึ้น 6.6%yoy
กลยุทธ์การลงทุน หุ้นในพอร์ต 55% เลือก BAFS BEM BDMS BGRIM CENTEL GPSC ERW PTG SUSCO เป็นหุ้นเด่น – เราให้น้่าหนักหุ้นในพอร์ตที่ระดับ 50% Theme หุ้นที่น่าลงทุน เราเลือก หุ้น ในกลุ่ม Defensive เราเลือก BDMS BH หุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า เราเลือก EA GULF GPSC BGRIM หุ้น ในกลุ่มอุปโภคบริโภค เราเลือก MAKRO CPALL (BK:CPALL) HMPRO GLOBAL หุ้นในกลุ่มขนส่งในประเทศ เรา เลือก BEM หุ้นในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เราเลือก WHA AMATA และหุ้นใน Theme เปิดเมืองเปิด ประเทศที่ยังน่าสนใจ เราเลือก AOT (BK:AOT) BAFS ERW AWC CENTEL MINT PTG SUSCO รวมไปถึงเก็ง ก่าไรหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี จากแนวโน้มก่าไรที่จะกลับมาฟื้นตัวใน 4Q65 รวมไปถึง 2566 เราเลือก TOP SPRC BCP PTTGC
สัปดาห์นี้ติดตาม รายงานเงินเฟ้อเยอรมนี ดุลการค้าอังกฤษ - 11 พ.ย. : เยอรมนี - ดัชนีราคา ผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เดือน ต.ค. (เพิ่มขึ้น 0.9%mom และเพิ่มขึ้น 6.5%yoy / เดือน ก.ย. 10.4%yoy) / อังกฤษ – รายงาน GDP ในช่วง 3Q65 (คาดหดตัว 0.5%qoq และขยายตัว 2.1%yoy) ดุลการค้า เดือน ก.ย. (คาดขาดดุล 2.04 หมื่นล้านปอนด์) / สหรัฐฯ - ความคาดหวังของผู้บริโภครัฐ มิชิแกน เดือน พ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภครัฐมิชิแกน เดือน พ.ย.
ปัจจัยทางเทคนิค – หุ้นแนะน่าทางเทคนิค ได้แก่ MINT (แนวต้าน 31.0-31.75 / แนวรับ 29.50-28.75 / Stop loss 28.00) AP (แนวต้าน 10.8-11.0 / แนวรับ 10.3-10.1 / Stop loss 9.7) BDMS (แนวต้าน 32.75-33.25 / แนวรับ 31.0-30.5 / Stop loss 29.25)
SET วานนี้ ผันผวนในกรอบ sideway ตามคาด - SET วานนี้ (10 พ.ย.) ปิดที่ระดับ 1,619.23 จุด ลดลง 3.22 จุด (-0.20%) มูลค่าการซื้อขาย 59,801.62 ล้านบาท (สูงสุด 1,623.97 จุด และต่่าสุด 1,611.17 จุด) SET ผันผวนในกรอบ sideway ตามคาด โดยยังได้แรงหนุนจาก Fund Flow ต่างชาติ ที่ไหลเข้า จากค่าเงินบาทที่กลับมาแข็งค่า แม้ไม่มีปัจจัยบวกหนุน ประกอบกับแรงขายหุ้นในกลุ่ม พลังงาน ตามทิศทางของราคาน้่ามันดิบที่พักตัวลงมา 2 วันท่าการ รวมไปถึงแรงขายท่าก่าไรเพื่อลด ความเสี่ยง ก่อนรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities