ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ เดือน ต.ค.65 อยู่ที่ระดับ 7.7% YoY ซึ่งต่ำกว่า Consensus ที่คาด 8% และ ลดลงจากระดับเดือนก่อนหน้าที่ 8.2% ภาพดังกล่าวทำให้มุมมอง ว่า Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายแรง ถูกลบออกไป ตลาดหุ้นจึงตอบสนองเชิง บวก โดย DJIA ปรับขึ้นแรงถึง 3.7% ซึ่งภาพดังกล่าวน่าจะสร้าง Sentiment เชิง บวกต่อ SET Index เช้านี้ด้วย ส่วนทิศทางของ Fund Flow ต่างชาติ ยังมองว่า น่าจะเห็นการไหลเข้าต่อเนื่อง โดยแรงกระตุ้นสำคัญ นอกจากภาพเศรษฐกิจ และ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแรงแล้ว ยังมีเรื่องของค่าเงินบาท ที่แข็งค่า กลับขึ้นมาได้เร็ว และน่าจะแข็งค่าต่อ โดยล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 36 บาท/USD ทั้งนี้ เป็นผลมาจากเงิน USD ที่อ่อนค่าลง หลังตลาดเชื่อว่ายุคของการปรับขึ้นดอกเบี้ย แรงผ่านไปแล้ว และน่าจะเห็นการผ่อนคลายในการเดินนโยบายการเงินของ Fed
คาดว่า SETIndex ดีดตัวขึ้นแรงตาม Sentiment ของตลาดหุ้นต่างประเทศ แนว ต้านระดับแรกที่บริเวณ 1631-1636 จุด และถัดไปที่ 1650 จุด แนวรับอยูที่ 1613 จุด หุ้นที่เลือกเป็น Top Pick วันนี้ได้แก่ ASK, CRC และ GULF
เงินเฟ้อลง + เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว คาด FED ชะลอปรับขึ้นดอกเบี้ย
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจ ที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐ กำลังตกอยู่ในภาวะชะลอตัว ได้แก่
• ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)อยู่ที่ 7.7%YoY ในเดือนต.ค. (ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 7.9% YoY) ลดลงจากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 8.2%YoY ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็น เดือนที่ 4 ขณะที่ Core CPI อยู่ที่ 6.3% YoY ในเดือนต.ค. (ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 6.5% YoY) ลดลงจากเดือนก่อนหน้าเช่นกันอยู่ที่ 6.6%YoY ชี้ให้เห็นว่าเงินเฟ้อ ของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว
• จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (Initial Jobless Claims) ล่าสุดอยู่ที่ 225,000 ราย (ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 220000 ราย) ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อน ซึ่งหน้าอยู่ที่ 218,000 ราย ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ชี้ว่าตลาดแรงงานเริ่ม อ่อนแอ อาจนำไปสู่การจับจ่ายใช้สอยที่ลดลง
และการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐเดือน ต.ค. ที่ประกาศออกมาล่าสุด ยังเป็นไปตามที่ ฝ่ายวิจัยได้ประเมินไว้ช่วงก่อนหน้านี้ และหากการเติบโต CPI รายเดือนยังอยู่ที่ระดับ 0.4% จะทำให้แนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐฯทยอยปรับตัวลดลงต่อเนื่องในเดือนถัดๆ ไป โดยจะลดลง จาก 7.7%YoY เดือน ต.ค.65 มาอยู่ที่บริเวณ 4.2%YoY ในเดือน มิ.ย.66
ทั้งตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐเดือน ต.ค. ปรับตัวลงมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด บวกกับตลาดแรงงานมี แนวโน้มเริ่มอ่อนแอ สะท้อนให้เห็นว่าการที่ Fed เร่งขึ้นช่วงก่อนหน้านี้ เริ่มส่งผลกระทบ ต่อภาพเศรษฐกิจที่แท้จริง ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้ FED ชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยใน ระยะถัดไป สาเหตุดังกล่าวเป็นตัวเร่งให้ตลาดหุ้นทั่วโลกพุ่งขึ้นแรงขานรับข่าวดีในวานนี้ โดยเฉพาะฝั่งสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นราว 3.7% - 7.4% ขณะที่ฝั่งยุโรปปิดตัวในแดนบวกราว 1.1% ถึง 3.5% โดยฝ่ายวิจัยฯ คาดหวังการปรับตัวขึ้นแรงของตลาดหุ้นต่างประเทศจะเป็น Sentiment เชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยให้กลับไปยืนเหนือ 1,650 จุดในระยะต่อไป
สรุป อัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลงต่อเนื่อง บวกกับตลาดแรงงานมีแนวโน้มอ่อนแอ เป็น สัญญาณสำคัญที่จะทำให้ FED ชะลอคันเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระถัดไป ส่งผลให้ ตลาดหุ้นฝั่งสหรัฐปและยุโรปพุ่งขึ้นแรง คาดเป็น Sentiment เชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย ยืนเหนือ 1,650 จุดได้
แนวโน้ม DOLLAR เริ่มอ่อนค่า ดีต่อ FLOW ต่อชาติเข้าหุ้นไทยต่อ
ประเด็นอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯเดือน ต.ค.65 ที่ดีกว่าคาด รวมถึงการประเมินทิศทางการเดิน นโยบายการเงินของ Fed (รายละเอียดตามหัวข้อด้านบน) ส่งผลให้ Dollar Index กลับมา อ่อนค่ากว่า 2% มาอยู่ที่ 108.2 จุด ซึ่ง Dollar Index ที่เริ่มอ่อนค่า ทำให้สกุลเงินของ ประเทศต่างๆ กลับมาแข็งค่าอีกครั้ง โดยไทยก็ได้รับอานิสงค์ดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งค่าเงินบาท แข็งค่าสุดในรอบ 3 เดือนไป อยู่ที่ระดับ 36.80 บาท/เหรียญฯ
โดยหากพิจารณาทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยในระยะถัดไปของไทยและสหรัฐฯน่าจะขึ้น ดอกเบี้ยในอัตราชะลอลง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงในปี 2566 เป็นบวกหรือเข้าใกล้ ศูนย์ ขณะที่ฝั่งยุโรปยังติดลบ โดยมีรายละเอียดดังนี้
• ยุโรป อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงในปัจจุบันอยู่ที่ -8.70%(ดอกเบี้ย 2.0% / เงินเฟ้อ 10.7%) ขณะที่ปี 2566 อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงคาดอยู่ที่ -2.50%(ดอกเบี้ยสิ้นปี 66 3.0% / เงินเฟ้อ66F 5.5%) ซึ่งทำให้ECB มีโอกาสเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เร็วและแรงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงเข้าใกล้ศูนย์ให้ได้
• สหรัฐฯ การดำเนินนโยบานการเงินของ Fed น่าจะเริ่มชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุก บวกกับสัญญาณเงินเฟ้อที่มี แนวโน้มที่ดีขึ้น โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ที่ -3.70% (ดอกเบี้ย 4.0% / เงินเฟ้อ 7.7%) ขณะที่ปี 2566 อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงคาดอยู่ที่ +2.08%( ดอกเบี้ยสิ้นปี 66 4.5% / เงินเฟ้อ66F 2.8%)
• ไทย อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงในปัจจุบันอยู่ที่ -5.00%(ดอกเบี้ย 1.0% / เงินเฟ้อ 6.0%)ขณะที่ปี 2566 อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงคาดอยู่ที่ –0.85%(ดอกเบี้ยสิ้นปี 66 1.75% / เงินเฟ้อ66F 2.6%) ซึ่งอยู่ในระดับเข้าใกล้ศูนย์ คาดว่า กนง. จะยังคง ปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องในรูปแบบแบบค่อยเป็นค่อยไป
ขณะที่เศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงฟื้นตัว โดยหากพิจารณาดุลบัญชีเดินสะพัดที่พลิกกลับมา เป็นบวกในเดือน ก.ย.65 ยังคงมีโมเมนตัมไปต่อ จาก 2 เหตุผลหลัก ดังนี้
1. ดุลการค้าขาดดุลลดลง หลังมูลค่าการส่งออกดีขึ้นตามการเปิดประเทศของ ประเทศต่างๆ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรง ในช่วง 2 -3 เดือนที่ผ่านมา โดยไม่ทำจุดสูงสุดใหม่ บวกกับค่าเงินบาทในปัจจุบันที่แข็งค่าขึ้นกว่าในอดีต ซึ่ง เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มูลค่าการนำเข้าลดลง
2. อัตราเงินเฟ้อไทยที่ชะลอลง หลังล่าสุดอัตราเงินเฟ้อไทยเดือน ต.ค.65 +5.98%YoY ลดลงจากเดือนก่อน 6.41%YoY พร้อมกับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ขณะที่แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ คาดข้าสู่กรอบเป้าหมาย 1-3% ในปีหน้า ตามที่ ธปท. คาดการณ์ไว้ ทำให้ดุลบริการปรับตัวดีขึ้นในอนาคต
สรุปประเด็นอัตราเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลงของสหรัฐฯ และไทย ทำให้ค่าเงินบาทกลับมา แข็งค่า ขณะที่ผลพวงตามมา คือ เศรษฐกิจดูดีต่อเนื่อง มีโอกาสเห็นดุลบัญชีเดินสะพัด ปรับขึ้นต่อได้ คาดเป็นส่วนหนึ่งให้ Flow ต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นต่อไป
MSCI, แรงสะสมตราสารหนี้ระยะสั้น, แรงกดดันการขึ้นดอกเบี้ยลดลง พร้อมใจหนุน FUND FLOW ไหลเข้าหุ้นไทยต่อ
เช้านี้ MSCI ประกาศหุ้นเข้าออกดัชนี MSCI Global Standard และ MSCI Global Small Cap รอบนี้ มีผลบังคับใช้ราคาปิด 30 พ.ย. 65 และมีหุ้นไทยเข้าออกดังนี้
และจากสถิติในอดีตปี 2020 - ปัจจุบัน พบว่า หุ้นที่ถูกคัดเข้าดัชนีมักจะ Outperform ได้ ดีตั้งแต่วันประกาศจนถึงวันที่มีผลบังคับใช้ (รอบนี้ราคาปิด 30 พ.ย. 65) โดยให้ ผลตอบแทนเฉลี่ย 10.4% ด้วยโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น 81% ขณะที่รอบที่แล้ว พ.ค. 65 มีหุ้น ถูกคัดเข้า MSCI Small Cap 10 บริษัท ให้ผลตอบแทนเป็นบวกทุกบริษัท เฉลี่ยสูงถึง 17% ขณะที่ SET Index +5% ดังนั้นหุ้นที่ถูกคัดเข้า MSCI ในรอบนี้มีโอกาส Outperform และ น่าจะพอเก็งกำไรจนถึงวันที่มีผลบังคับใช้ได้เช่นกัน
นอกจากนี้สังเกตได้ว่าในรอบที่แล้ว (พ.ค. 65) หลังจาก MSCI มีการ Rebalance ดัชนี ช่วง กลางเดือน พ.ค. 65 Fund Flow ไหลเข้าหุ้นไทยหนาแน่นถึงช่วงที่มีผลบังคับใช้ (2 สัปดาห์) ถึง 2.3 หมื่นล้านบาท หนุน SET Index +5% ดังนั้นในรอบนี้คาดหวัง Fund Flow ไหลเข้าหุ้นไทยเพิ่มเติมเช่นกัน จากภาพรวมเศรษฐกิจยังอยู่ในแนวโน้มฟื้นตัว แรง กดดันการขึ้นดอกเบี้ย Fed ลดลง บวกกับ MSCI ที่ใช้หลักเกณฑ์ Market Cap Weight ใน การปรับสัดส่วน น่าจะหนุนหุ้นไทยยังมีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักขึ้นในระยะถัดไปได้
อีกทั้งยังเห็นเม็ดเงินที่ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยมาต่อเนื่อง 15 วันทำการกว่า 3.5 หมื่นล้าน บาท พร้อมกับเม็ดเงินที่เข้าตราสารหนี้ระยะสั้นไทยหนาแน่นในช่วงนี้ 5 วันทำการกว่า 6.5 หมื่นล้านบาท น่าจะมีโอกาสกระเซ็นไหลเข้าตลาดหุ้นไทยเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปีได้
ส่วนกรอบการเคลื่อนไหว SET Index วันนี้ แนวต้านแรก 1636 จุด แนวต้านถัดไป 1650 จุด Top pick แนะนำ GULF (ได้แรงหนุนบาทแข็งค่า), CRC (แนวโน้มกำไรฟื้น ตัวเด่นช่วงที่เหลือของปี), ASK (กำไรเด่น 3Q และ 4Q เด่น ได้กระแสบวกการขึ้น ดอกเบี้ยมีโอกาสชะลอลง)
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities