รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

สาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลก ทองคำ น้ำมัน และ BTC ได้พุ่งขึ้นในวันศุกร์ที่ผ่านมา

เผยแพร่ 07/11/2565 07:20
อัพเดท 09/07/2566 17:32

สาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลก ทองคำ น้ำมัน และ BTC ETH มีการพุ่งขึ้นในวันศุกร์ที่ผ่านมา

สาเหตุหลักๆมาจากการพุ่งขึ้นอย่างมากของตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงในวันศุกร์ครับ

เราจะไปเรียบเรียงเหตุการณ์กันตั้งแต่ในช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ผ่านมา

ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงเช้า โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนมีแนวโน้มที่จะทำสถิติรายสัปดาห์ดีที่สุดในรอบ 2 ปี เนื่องจากนักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่า จีนมีแผนที่จะยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero-Covid Policy) อย่างค่อยเป็นค่อยเป็น และจะเปิดประเทศในที่สุด

ณ เวลา 09.44 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนพุ่งขึ้น 44.43 จุด หรือ +1.48% แตะที่ 3,042.24 จุด ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงทะยานขึ้น 683.23 จุด หรือ +4.45% แตะที่ 16,022.72 จุด

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนีหุ้นบริษัทจีนที่ซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกงพุ่งขึ้น 6.4% แล้วในสัปดาห์นี้ ขณะที่ดัชนี CSI 300 ตลาดหุ้นจีนทะยานขึ้นกว่า 4% และมีแนวโน้มที่จะทำสถิติรายสัปดาห์ดีที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2564 หลังจากนายหาว ฮง นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังได้ทวีตข้อความว่า ทางการจีนกำลังจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเรื่องการเปิดประเทศ และกำลังทบทวนข้อมูลด้านโควิด-19 ในต่างประเทศ เพื่อประเมินสถานการณ์หากมีการเปิดประเทศ และจีนมีเป้าหมายที่จะผ่อนคลายกฎระเบียบในการควบคุมโรคโควิด-19 ในเดือนมี.ค. 2566

ข่าวดังกล่าวได้รับการตอบรับอย่างคึกคักจากนักลงทุน แม้ว่าคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) ยืนยันว่าจะยึดมั่นในนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ซึ่งส่งผลให้ตลาดอ่อนแรงลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แต่ในวันนี้นักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นอีกครั้งเพราะเชื่อว่าข่าวดังกล่าวมีมูลความจริง

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าบวกเป็นส่วนใหญ่ในวันศุกร์ ขณะที่นักลงทุนยังคงประเมินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างต่อเนื่อง พร้อมจับตาข้อมูลจ้างงานของสหรัฐที่จะเปิดเผยในวันนี้

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 27,103.17 จุด ร่วงลง 560.22 จุด หรือ -2.03%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 16,213.68 จุด เพิ่มขึ้น 874.19 จุด หรือ +5.70% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,060.39 จุด เพิ่มขึ้น 62.59 จุด หรือ +2.09%

ขณะที่ ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดหุ้นฮ่องกง (Hang Seng Tech) พุ่ง 7.71%

หุ้นฮ่องกงพุ่งขึ้นโดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของกลุ่มแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตและรถไฟฟ้า ซึ่งเผชิญแรงเทขายอย่างหนักหน่วงตลอดหลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้

การที่ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดหุ้นฮ่องกงพุ่งขึ้นถึง 7.71% ในช่วงของการปิดตลาดภาคเช้าของตลาดหุ้นเอเชีย มีสาเหตุมาจากการที่กองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ (PIF) ของซาอุดีอาระเบียเปิดเผยเมื่อวานนี้ (3 พ.ย.) ว่า จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นในประเทศภายใต้การร่วมทุนกับฟ็อกซ์คอนน์ ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ของแอปเปิล ภายใต้ความพยายามในการผลักดันอุตสาหกรรมใหม่ ๆ และลดการพึ่งพาน้ำมัน

ทั้งนี้ PIF ระบุในแถลงการณ์ว่า เซียร์ (Ceer) คือแบรนด์รถยนต์แรกของซาอุดีอาระเบียที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ โดยออกแบบ ผลิต และจัดจำหน่ายยานพาหนะรุ่นต่าง ๆ ให้แก่ผู้บริโภคในซาอุดีอาระเบีย และภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (MENA) ซึ่งรวมถึงรถนั่งส่วนบุคคลและรถเอนกประสงค์

PIF ระบุว่า รถไฟฟ้าที่ผลิตโดยเซียร์นั้นจะพร้อมจัดจำหน่ายในปี 2568 พร้อมเสริมว่า เซียร์จะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศได้กว่า 150 ล้านดอลลาร์ และช่วยสร้างงานโดยตรงและโดยอ้อมมากถึง 30,000 ตำแหน่ง รวมถึงคาดว่าจะสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจซาอุดีอาระเบียถึง 8 พันล้านดอลลาร์ ภายในปี 2577

นอกจากนี้ PIF ระบุด้วยว่า การร่วมทุนในครั้งนี้จะได้รับอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีส่วนประกอบจากบีเอ็มดับเบิลยู (BMW) ในกระบวนการพัฒนารถยนต์ และเสริมว่า "ฟ็อกซ์คอนน์จะพัฒนาโครงสร้างไฟฟ้าของรถยนต์ จนทำให้มีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่จะเป็นผู้นำในด้านสาระบันเทิง การเชื่อมต่อ และเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ"

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ซาอุดีอาระเบียได้ประกาศกลยุทธ์การลงทุนเมื่อปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมายที่จะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี แต่ยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมาย โดยมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าเพียงประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้

ทั้งนี้ มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมานเป็นประธานของ PIF โดยพระองค์ทรงเลือกให้ PIF เป็นสื่อกลางในการขับเคลื่อนความพยายามในการสร้างความหลากหลายให้กับเศรษฐกิจของซาอุดีอาระเบียและเลิกพึ่งพาน้ำมัน

และฟ็อกคอนน์คือบริษัทซัพพลายเออร์ของ Apple (NASDAQ:AAPL) และเป็นบริษัทผู้ผลิต Iphone ให้กับ Apple ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และตั้งอยู่ในเมืองเจิ้งโจวของจีน

อีกปัจจัยหลักที่หนุนหุ้นจีนและฮ่องกงคือนักลงทุนคาดการณ์ว่า จีนมีแผนที่จะยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero-Covid Policy) อย่างค่อยเป็นค่อยไป และจะเปิดประเทศในที่สุด

นายหาว ฮง นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังได้ทวีตข้อความว่า ทางการจีนกำลังจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเรื่องการเปิดประเทศ และกำลังทบทวนข้อมูลด้านโควิด-19 ในต่างประเทศ เพื่อประเมินสถานการณ์หากมีการเปิดประเทศ และจีนมีเป้าหมายที่จะผ่อนคลายกฎระเบียบในการควบคุมโรคโควิด-19 ในเดือนมี.ค. 2566

ผู้ถือหุ้นแควนตัส แอร์เวย์มีกำหนดจัดการประชุมในวันนี้ ขณะที่สิงคโปร์เตรียมเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกในวันนี้

ส่วนสหรัฐมีกำหนดรายงานข้อมูลจ้างงานประจำเดือนต.ค.ในวันนี้ โดยนักเศรษฐศาสตร์ในผลสำรวจที่จัดทำโดยดาวโจนส์คาดการณ์ว่า สหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. และคาดการณ์ว่าอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นจากระดับ 3.5% ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3.6%

หุ้นสหรัฐปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ในวันพฤหัสบดี โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 146.51 จุด หรือ 0.46% แตะที่ 32,001.25 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 1.06% ปิดที่ 3,719.89 จุด และดัชนี Nasdaq Composite ร่วง 1.73% ปิดที่ 10,342.94 จุด

และในช่วงเที่ยงของวันศุกร์ที่ผ่านมา

ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงทะยานขึ้นกว่า 1 พันจุด เนื่องจากนักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่า จีนมีแผนที่จะยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero-Covid Policy) อย่างค่อยเป็นค่อยเป็น และจะเปิดประเทศในที่สุด

ณ เวลา 12.19 น.ตามเวลาไทย ดัชนีฮั่งเส็งพุ่งขึ้น 1,095.09 จุด หรือ +7.14% แตะที่ 16,434.58 จุด

ดัชนีฮั่งเส็งพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากนายหาว ฮง นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังได้ทวีตข้อความว่า ทางการจีนกำลังจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเรื่องการเปิดประเทศ และกำลังทบทวนข้อมูลด้านโควิด-19 ในต่างประเทศ เพื่อประเมินสถานการณ์หากมีการเปิดประเทศ และจีนมีเป้าหมายที่จะผ่อนคลายกฎระเบียบในการควบคุมโรคโควิด-19 ในเดือนมี.ค. 2566

ข่าวดังกล่าวได้รับการตอบรับอย่างคึกคักจากนักลงทุน แม้ว่าคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) ยืนยันว่าจะยึดมั่นในนโยบายโควิดเป็นศูนย์ โดยนักลงทุนยังคงเชื่อว่าข่าวดังกล่าวมีมูลความจริง

ก่อนที่สุดท้าย ทั้งตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกงจะมีการปิดตลาดพุ่งขึ้นเป็นอย่างมาก!!!

ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันศุกร์ โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าจีนจะกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง

ทั้งนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,070.80 จุด เพิ่มขึ้น 72.99 จุด หรือ +2.43%

นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่า จีนมีแผนที่จะยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero-Covid Policy) อย่างค่อยเป็นค่อยไป และจะเปิดประเทศในที่สุด

การคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้นนับตั้งแต่นายหาว ฮง นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังได้ทวีตข้อความว่า ทางการจีนกำลังจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเรื่องการเปิดประเทศ และกำลังทบทวนข้อมูลด้านโควิด-19 ในต่างประเทศ เพื่อประเมินสถานการณ์หากมีการเปิดประเทศ และจีนมีเป้าหมายที่จะผ่อนคลายกฎระเบียบในการควบคุมโรคโควิด-19 ในเดือนมี.ค. 2566

นายอี้ กัง ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) ยืนยันคำมั่นสัญญาที่จะทำให้อัตราการแลกเปลี่ยนเงินหยวนมีความยืดหยุ่นมากขึ้น พร้อมให้คำมั่นว่าจะปรับปรุงนโยบายการเงิน

แถลงการณ์ของ PBOC ระบุว่า นายอี้เปิดเผยในระหว่างการประชุมที่จัดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดี (3 พ.ย.) เพื่อศึกษาการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) โดยระบุว่า ธนาคารกลางจีนจะยังคงรักษาเสถียรภาพของเงินหยวนให้อยู่ระดับที่เหมาะสม

นอกจากนี้ นายอี้ยังให้คำมั่นว่าจะปกป้องเสถียรภาพของค่าเงินและช่วยให้เศรษฐกิจเติบโต โดย PBOC จะทำงานเพื่อสร้างระบบธนาคารกลางที่ทันสมัย ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญที่กำหนดขึ้นจากที่ประชุม CPC

นายอี้ยังยืนยันที่จะสนับสนุนกฎระเบียบด้านการเงิน และสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบเพื่อปกป้องเสถียรภาพทางการเงิน และความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ PBOC ได้ดำเนินการอย่างระมัดระวังด้วยการผ่อนคลายทางการเงินในปีนี้ ขณะที่ต้องพึ่งพาคำสั่งและเครื่องมือใหม่ ๆ มากขึ้นเพื่อกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร และกระตุ้นภาคธุรกิจต่าง ๆ เช่น ภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจขนาดเล็ก

แนวทางที่ผ่อนคลายของธนาคารกลางจีน ซึ่งตรงกันข้ามกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งผลให้ค่าเงินหยวนร่วงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2550

ทำให้เป็นข้อสันนิษฐานได้ว่า ทางธนาคารกลางจีนอาจได้ทำการแทรกแซงตลาดค่าเงินอีกครั้ง โดยการเทขายสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และเข้าช้อนซื้อสกุลเงินหยวนให้มีการกลับมาแข็งค่าขึ้นเป็นอย่างมากในวันนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่หนุนให้ Fund Flow ได้ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกงในวันนี้เป็นจำนวนมาก!!!

ในขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดพุ่งขึ้นในวันนี้เป็นอย่างมากเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่า จีนมีแผนที่จะยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero-Covid Policy) อย่างค่อยเป็นค่อยเป็น และจะเปิดประเทศในที่สุด

ดัชนีฮั่งเส็งปิดตลาดที่ระดับ 16,161.14 จุด เพิ่มขึ้น 821.65 จุด หรือ +5.36%

ทั้งนี้ นายหาว ฮง นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังได้ทวีตข้อความว่า ทางการจีนกำลังจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเรื่องการเปิดประเทศ และกำลังทบทวนข้อมูลด้านโควิด-19 ในต่างประเทศ เพื่อประเมินสถานการณ์หากมีการเปิดประเทศ และจีนมีเป้าหมายที่จะผ่อนคลายกฎระเบียบในการควบคุมโรคโควิด-19 ในเดือนมี.ค. 2566 ซึ่งข่าวดังกล่าวได้รับการตอบรับอย่างคึกคักจากนักลงทุน แม้ว่าคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) ยืนยันว่าจะยึดมั่นในนโยบายโควิดเป็นศูนย์ก็ตาม

การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกงในวันนี้ ทำให้สกุลเงินหยวน CNY มีการแข็งค่าขึ้นอย่างมาก และหนุนให้สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย AUD และสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ NZD มีการแข็งค่าขึ้นเป็นอย่างมาก

คู่สกุลเงิน AUDUSD AUDJPY AUDCHF มีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เช่นเดียวกับคู่สกุลเงิน NZDUSD NZDJPY NZDCHF ที่มีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน

และการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกงในวันนี้ การแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินหยวน CNY การแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย AUD และการแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ NZD ได้เป็นปัจจัยที่หนุนให้ราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน

และการที่ตลาดหุ้นจีนพุ่งขึ้น ได้หนุนราคาน้ำมันให้มีการพุ่งขึ้นด้วยเช่นกัน เนื่องจากจีนคือประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก เป็นประเทศผู้ใช้น้ำมันมากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลก และเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก

และราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างคาดการณ์จากบริษัทเคปเลอร์ (Kpler) ว่า การจัดส่งน้ำมันดิบจากสหรัฐไปยังเอเชียจะแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd) ในเดือนพ.ย. เนื่องจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากการลดราคาน้ำมันทั่วโลก

โรงกลั่นน้ำมันในจีน อินเดีย และเกาหลีใต้ เริ่มกลับมาเป็นผู้ซื้อน้ำมันดิบรายใหญ่ของสหรัฐ หลังจากซื้อน้ำมันราคาถูกจากรัสเซียตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา การกลับมาซื้อน้ำมันจากสหรัฐอีกครั้งของเอเชียในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการน้ำมันดิบที่พุ่งสูงขึ้นเพื่อใช้ผลิตเชื้อเพลิงดีเซล และเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ยุโรปยังคงเร่งกักตุนน้ำมันอย่างต่อเนื่อง หลังชาติตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซีย

โดยรวมพบว่า ยอดส่งออกน้ำมันดิบสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอยู่ที่ 5.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน แตะระดับสูงสุดเมื่อเทียบเป็นรายสัปดาห์ โดยได้รับแรงหนุนจากการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ที่สูงขึ้น

ด้านรีฟินิทิฟ (Refinitiv) ระบุว่า เกาหลีใต้เตรียมนำเข้าน้ำมันดิบสหรัฐ 619,000 บาร์เรลต่อวัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขึ้นแท่นผู้นำเข้าน้ำมันดิบสหรัฐรายใหญ่ที่สุดของเอเชียประจำเดือนพ.ย.

ด้านจีนตั้งเป้านำเข้าน้ำมันดิบอย่างน้อย 450,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 ขณะเดียวกัน คาดว่าอุปสงค์ด้านพลังงานของอินเดียจะสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.

และการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในวันนี้ ทำให้สกุลเงินดอลลาร์แคนาดา CAD มีการแข็งค่าขึ้นเป็นอย่างมาก

คู่สกุลเงิน CADJPY CADCHF มีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในขณะที่คู่สกุลเงิน USDCAD EURCAD GBPCAD ได้ร่วงลง จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์แคนาดา CAD นั่นเอง

และการแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย AUD และสกุลเงินดอลลาร์แคนาดา CAD ในวันนี้ ได้หนุนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ หรือ Commodity ให้มีการปรับตัวขึ้นทั้งหมด

และการแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย AUD และสกุลเงินดอลลาร์แคนาดา CAD ในวันนี้ เป็นปัจจัยกดดันดัชนีดอลลาร์สหรัฐ DXY ให้มีการร่วงลง และหนุนราคาทองคำให้มีการปรับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน

และการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกง หนุนให้ตลาดหุ้นยุโรปฟิวเจอร์ส และตลาดหุ้นสหรัฐฟิวเจอร์สได้มีการพุ่งขึ้นด้วยในวันนี้ และเป็นปัจจัยกดดันให้สกุลเงินเยน JPY และสกุลเงินฟรังก์สวิส CHF มีการอ่อนค่าลงในฐานะสกุลเงินปลอดภัย เช่นเดียวกันกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ USD ที่มีการอ่อนค่าลงในฐานะที่เป็นสกุลเงินปลอดภัยเช่นเดียวกัน

คู่สกุลเงิน AUDJPY NZDJPY CADJPY มีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการอ่อนค่าลงของสกุลเงินเยน JPY ด้วยเช่นกัน

เช่นเดียวกับคู่สกุลเงิน AUDCHF NZDCHF CADCHF ที่มีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการอ่อนค่าลงของสกุลเงินฟรังก์สวิส CHF เช่นเดียวกัน

และการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกงเป็นอย่างมากในวันนี้ ได้เป็นปัจจัยหนุนให้ตลาดหุ้นยุโรปฟิวเจอร์ส และตลาดหุ้นสหรัฐฟิวเจอร์สได้มีการพุ่งขึ้นด้วยในวันนี้ โดยเฉพาะการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดหุ้นฮ่องกงในวันนี้ที่ได้พุ่งขึ้นถึง 7.71% ได้เป็นปัจจัยหนุนให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทั่วโลกพุ่งขึ้นในวันนี้ และเป็นปัจจัยหนุนให้ BTC และ ETH มีการพุ่งขึ้นด้วยเช่นกัน

ส่วนทิศทางของตลาดจะเป็นอย่างไรต่อไป เราจะต้องไปลุ้นการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในคืนนี้ นั่นคือ การประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรและอัตราการว่างงานประจำเดือนตุลาคมของสหรัฐ รวมไปถึงตัวเลขรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงประจำเดือนตุลาคมของสหรัฐ ที่จะมีการประกาศออกมาในคืนนี้เวลา 19:30 ซึ่งเราจะมาวิเคราะห์กันในบทวิเคราะห์ถัดไปครับ!!!

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย